posttoday

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพโต 4.7 หมื่นล้าน

17 กุมภาพันธ์ 2559

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพปี 2558 โต 4.7 หมื่นล้าน นายจ้างตั้งกองทุนเพิ่มกว่าพันราย MFC ขึ้นแชมป์

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพปี 2558 โต 4.7 หมื่นล้าน นายจ้างตั้งกองทุนเพิ่มกว่าพันราย MFC ขึ้นแชมป์

สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า ภาพรวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งระบบเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (เอ็นเอวี) ณ สิ้นปี 2558 อยู่ที่ 8.83 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.66 หมื่นล้านบาท หรือ 5.57% จากปีก่อนหน้ามีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 8.37 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ จำนวนนายจ้างจัดตั้งกองทุนเพิ่มขึ้น 1,174 ราย เป็น 16,607 ราย ณ สิ้นปี 2558 และมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 2.97 ล้านราย หรือเพิ่มขึ้น 1.55 แสนราย จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 2.82 แสนราย

สำหรับเงินลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ในหลักทรัพย์รวม 6.71 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 75.99% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมและอยู่ในเงินฝากธนาคาร ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงินและบัตรเงินฝาก 2.14 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 24.25% ของมูลค่าสินทรัพย์รวม

ทั้งนี้ เงินลงทุนในหลักทรัพย์มีมูลค่าปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยมีเงินลงทุนในหุ้นกู้ 2.55 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 28.92% เพิ่มขึ้น 4.13 หมื่นล้านบาท หรือ 19.30% จากปี 2557 และอยู่ในพันธบัตร ตั๋วเงินคลังและตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน มูลค่า 2.05 แสนล้านบาท สัดส่วน 23.20% เพิ่มขึ้น 1.86 หมื่นล้านบาท หรือ 9.98% หุ้นสามัญ 1.32 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 14.98% เพิ่มขึ้น 3,017.18 ล้านบาท หรือ 2.33% และหน่วยลงทุน 7.80 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 8.83% เพิ่มขึ้น 1.31 หมื่นล้านบาท หรือ 20.14% เป็นต้น

สำหรับ 5 อันดับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสูงสุด ได้แก่ บลจ.เอ็มเอฟซี มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร 1.41 แสนล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 15.93% รองลงมา บลจ.กสิกรไทย มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1.38 แสนล้านบาท ส่วนแบ่ง 15.61%

อันดับสาม บลจ.ทิสโก้ มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1.19 แสนล้านบาท ส่วนแบ่ง 13.44% อันดับสี่ บลจ.ไทยพาณิชย์ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1.18 แสนล้านบาท ส่วนแบ่ง 13.31% และอันดับห้า บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 8.94 หมื่นล้านบาท ส่วนแบ่ง 10.12%

สำหรับ 5 อันดับแรก พบว่า บลจ.กสิกรไทย มีมูลค่าสินทรัพย์ลดลง 6,127.99 ล้านบาท หรือ 4.25% จากสิ้นปี 2557 ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดจากอันดับหนึ่งลดลงมาอยู่อันดับสอง ส่วน บลจ.เอ็มเอฟซี จากอันดับสองขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแทน