posttoday

จัดพอร์ตครึ่งปีหลัง หุ้น ทอง ตราสารหนี้ เหนื่อย!

02 กรกฎาคม 2560

โดย...พูลศรี เจริญ

โดย...พูลศรี เจริญ

การจัดสรรเงินหรือจัดพอร์ตลงทุนครึ่งปีหลัง ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหนบ้างโดยเฉพาะ 2 สินทรัพย์หลัก คือ หุ้น และตราสารหนี้

ตลาดหุ้นที่ถือเป็นสินทรัพย์เสี่ยง โอกาสการลงทุนจะเป็นยุโรป อเมริกา เอเชีย และหุ้นไทยจะเป็นอย่างไร ในฐานะนักลงทุนในประเทศ จำเป็นต้องมีหุ้นไทยในพอร์ตติดปลายนวมไว้เสมอ

ตลาดตราสารหนี้ ครึ่งปีหลังยังผันผวนและได้รับผลกระทบจากทิศทางดอกเบี้ยโลกที่เป็นขาขึ้น ยกเว้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ที่นักวิเคราะห์คาดว่าปีนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (กนง.) จะไม่ปรับขึ้น โดยจะทรงตัวที่ระดับ 1.5%

มาฟังมุมมองและคำแนะนำจากเหล่ากูรู หรือ ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนแต่ละด้าน ทั้งนักกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนประเภทบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ

เริ่มที่ “คมศร ประกอบผล” หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ คาดว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับฐาน และจะได้เห็นไตรมาส 3 นี้เลย นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐ

“คาดว่าหุ้นสหรัฐปรับฐาน 5% หุ้นเอเชีย ซึ่งหมายถึงหุ้นไทยด้วย คาดว่าจะปรับฐาน 5-7% ส่วนตลาดหุ้นที่ดูดีในครึ่งปีหลัง คือ ญี่ปุ่น เหตุราคา
ไม่แพง”

“คมศร” เปิดสถิติให้ดูเพื่อให้เหตุผลประกอบว่าทำไมหุ้นโลกจะมีการปรับฐาน ก็พบว่าตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มมีราคาที่แพง นำโดยดัชนี S&P 500 ของสหรัฐ ที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี เรโช) ติดลมบนที่ 18 เท่า สูงในระดับเดียวกับช่วงวิกฤตดอทคอม และไม่มีการปรับฐานลงเกินกว่า 5% มาอย่างต่อเนื่องถึง 10 เดือน (ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2559)

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่ต้องจับตา เช่น การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) การเลือกตั้งในอังกฤษและอิตาลี และการคิดคำนวณตลาดหุ้น A-Share ของจีนในดัชนีเอ็มเอสซีไอ

“การย่อตัวลงของตลาดหุ้นมีแนวโน้มเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่หุ้นไทยที่คาดว่า SET Index รอบนี้จะลงไม่ต่ำกว่า 1,550 จุด หากผิดคาดก็น่าจะไปสร้างฐานใหม่ที่ 1,530 จุด”

อย่างไรก็ดี “คมศร” กล่าวว่า เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยัง Laggard หรือปรับตัวขึ้้นน้อยกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคอยู่มาก จึงมองว่ามีโอกาสที่กระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) จากต่างประเทศจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย

ส่วนปัจจัยหนุนมาจากเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีจากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี การฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ การเติบโตของการส่งออก และความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งที่จะช่วยหนุนความเชื่อมั่น

จัดพอร์ตครึ่งปีหลัง หุ้น ทอง ตราสารหนี้ เหนื่อย!

“ก้องเกียรติ โอภาสวงการ” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ มองทิศทางการลงทุนครึ่งปีหลังว่า สำหรับหุ้นไทยกลยุทธ์การลงทุนต้องเลือกรายตัว

ขณะที่เขาปฏิเสธที่จะพูดถึงเป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ บอกแต่เพียงว่าหุ้นจะขึ้นหรือไม่อยู่ที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ด้วย

กูรูหุ้นสรุปหุ้นไทยสั้นๆ ว่า “ตลาดหุ้นไทยเป็นฟันปลาแต่เฉียงขึ้น ถ้าเป็นนักลงทุนระยะยาวก็ถือว่าช่วงนี้น่าลงทุน”

ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศ “ก้องเกียรติ” บอกว่าหุ้นสหรัฐแม้จะปรับตัวขึ้นมากแล้วในครึ่งปีแรก แต่แนวโน้มก็ยังดูดี สำหรับตลาดหุ้นยุโรปก็กำลังตามมา หรือมีทิศทางที่ดี 

“หุ้นเฟซบุ๊ก กูเกิล อาลีบาบา อเมซอน ผมชอบเนื่องจากมีการช็อปปิ้งผ่านออนไลน์กันเยอะ” ก้องเกียรติ เอ่ยชื่อหุ้นน่าลงทุน

ด้านกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจะไหลเข้ามาเอเชียบ้าง เนื่องจากพันธบัตรเอเชียยังให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับพันธบัตรยุโรป และอเมริกา

มีมุมมองที่น่าสนใจต่อทิศทางหุ้นไทยครึ่งปีหลัง จากนักลงทุนหุ้นคุณค่าหรือแวลูอินเวสเตอร์ “นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” ที่พูดในรายการมันนี่ ทอล์ค ทางสถานีโทรทัศน์ มันนี่แชนแนล

ประเด็นที่อาจารย์นิเวศน์ตั้งข้อสังเกตและเชื่อว่าทำให้แวลูอินเวสเตอร์หลายคนหูผึ่ง นันก็คือ ในช่วง 5 ปีมานี้หุ้นหลายตัวราคาไม่ไปไหน กำไรบริษัทก็ไม่เพิ่ม เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มสื่อสาร เป็นต้น ขณะที่อาจารย์นิเวศน์กลับคิดว่านี่แหละ คือ หุ้นที่มีแวลู

“ตอนนี้ในตลาดหุ้นไทยมีหุ้นแวลูเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีคนสนใจ ช่วงหลังๆ มีแต่คนสนใจหุ้นโกรส หรือหุ้นเติบโตสูงหมดเลย ไม่มีใครมองหุ้นแวลู” อาจารย์นิเวศน์ทิ้งคำพูดได้น่าสนใจให้นักลงทุนไปทำการบ้านต่อเพื่อหาโอกาสลงทุนหุ้นในบ้านตัวเอง

มุมมองของบริษัทจัดการกองทุน นักลงทุนสถาบันที่ถือว่ามีบทบาทต่อการลงทุนในตลาดหุ้น โดย “มนรัฐ ผดุงสิทธิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือแอล เอช ฟันด์ มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง

“คาดการณ์ครึ่งปีหลังดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯมีโอกาสปรับขึ้นที่ระดับ 1,650 จุด หรือสูงกว่านั้น” มนรัฐ กล่าวอย่างมั่นใจ

ปัจจัยบวกที่มนรัฐมองว่าเป็นแรงหนุนตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง คาดว่าจะได้รับผลดีจากผลการดำเนินงานของ บจ.ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่คาดการณ์จะเติบโตได้ดี

รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับเพิ่มประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.4% จากเดิม 3.2% ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายเดินหน้าลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม “มนรัฐ” มองว่าหุ้นอาจผันผวนจากปัจจัยภายนอกประเทศที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทั้งแนวโน้มการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีก 2 ครั้งในปีนี้ การปรับลดขนาดสินทรัพย์ในงบดุลของเฟดและปัจจัยอื่นๆ ทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ ตลอดจนปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจในยูโรโซนที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ข้ามฟากมาฝั่งตลาดตราสารหนี้ ครึ่งปีหลังนี้ “คมศร” กล่าวว่า ตลาดตราสารหนี้เป็นฟองสบู่มานานจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกอัดสภาพคล่องผ่านมาตรการคิวอี และตอนนี้ถือว่าอยู่ในภาวะฟองสบู่แตก

สำหรับคำแนะนำการลงทุน ให้หลีกเลี่ยงตราสารหนี้ระยะยาวที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป เพราะจะทำให้ขาดทุน เนื่องจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกเป็นขาขึ้น ดังนั้นให้ลงทุนในตราสารหนี้อายุ 1-2 ปี

ส่วนการลงทุนในหุ้นกู้ ให้เลือกลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับอินเวสต์เมนต์เกรด แค่นั้นยังไม่พอ ต้องลงทุนในบริษัทที่ชื่อคุ้นๆ เท่านั้น และลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอายุ 2-3 ปี

ทั้งหมดคือ คำแนะนำการจัดพอร์ตลงทุนครึ่งปีหลัง ขอให้นักลงทุนจงโชคดี พอร์ตมั่งคั่ง