จัดพอร์ต เม.ย. เมื่อความผันผวนเริ่มกลับมา

โดย...INFINITI Global Investors

ในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ตลาดทุนเริ่มกลับมามีความผันผวนบ้าง หลังนักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับความสามารถของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้ แต่เรายังคงเห็นกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตราสารทุนในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดหุ้น Emerging Market รวมถึงตลาดหุ้นไทยและอินเดีย ซึ่งทำผลตอบแทนได้ดีเป็นอันดับต้นๆ และยังสอดคล้องกับมุมมองของเราตั้งแต่ต้นปี

โดยในเดือนที่ผ่านมา เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% มาสู่ระดับ 0.75-1.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และมีทีท่าจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามแผนการขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้ง ในปีนี้ ทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐกลับมาอ่อนค่า และ Bond Yield กลับมาลดความร้อนแรงลง ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Emerging Markets ทองคำและตราสารหนี้

ในขณะที่ทรัมป์ล้มเหลวในการให้สภาคองเกรสร่วมลงคะแนนเสียงแก้ไข Obama Care เป็นปัจจัยกดดันหุ้นสหรัฐ เนื่องจากทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการดำเนินนโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่ม Health Care ยังคงแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อปัจจัยพื้นฐานที่ดีในหุ้นกลุ่มนี้

ส่วนเศรษฐกิจบ้านเรา พบว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อยู่ที่ 1.50% ในเดือน มี.ค.นี้ ในขณะที่ ธปท.มีการปรับประมาณการตัวเลขคาดการณ์การเติบโตขอจีดีพีปีนี้ขึ้นเป็น 3.4% และปรับตัวเลขเงินเฟ้อลงเป็น 1.2% ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.พ. ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกไทยกลับมาหดตัว แต่ยอดขายรถยนต์ในประเทศเติบโตมาก สะท้อนกำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศเริ่มฟื้นตัว

หากพิจารณาถึงกระแสเงินทุน พบว่า นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมามีสถานะซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาดการณ์ และค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าช่วยหนุนให้เกิดแรงซื้อต่อเนื่อง

เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นไทย

ส่วนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กผันผวนในช่วงที่ผ่านมาจากแรงขายหุ้น GL ที่ส่งผลให้เกิดบรรยากาศเชิงลบในการลงทุนหุ้นขนาดดังกล่าวหลายตัว อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มนี้เริ่มกลับมาทยอยฟื้นตัวตามทิศทางการเติบโตของกำไรที่ดีในระยะยาว

ส่วนตลาดหุ้นอินเดียเตรียมทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ หลังตัวเลขเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดี อีกทั้งพรรครัฐบาลของนายกฯ นเรนทรา โมดี ชนะการเลือกตั้งท้องถิ่นในรัฐอุตตรประเทศกว่า 300 ที่นั่ง จาก 403 ที่นั่ง ส่งผลให้มีแนวโน้มที่พรรครัฐบาลจะชนะการเลือกตั้งในระดับประเทศต่ออีกสมัยในปี 2562

มาดูทางฝั่งยุโรปกันบ้าง ผลโพลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส Le Pen ผู้มีแนวคิดในอยากนำฝรั่งเศสออกจากอียูยังคงคะแนนเป็นอันดับต้น ในขณะที่อังกฤษประกาศใช้มาตรา 50 เพื่อผลักดันประเทศออกจากอียู ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสร้างความกดดันให้กับตลาดหุ้นยุโรปในช่วงเดือน เม.ย.นี้ ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นยุโรป

เมื่อพิจารณาถึงราคาทองคำ หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาดอย่างค่อยเป็นค่อยไป และปัจจัยความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์และภาคการเมืองยุโรป ส่งผลให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐกลับมาอ่อนค่า ซึ่งเป็นปัจจัยช่วยหนุนให้ราคาทองคำกลับมาปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง

ในเดือน เม.ย.นี้เราได้คงสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน อยู่ที่ 70% โดยประเทศไทยและอินเดียยังคงมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี และเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นดังกล่าว อีกทั้งประเทศอินเดียยังมีปัจจัยบวกจากการชนะการเลือกตั้งท้องถิ่นของโมดี

ส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Health Care ยังคงมีปัจจัยสนับสนุนที่ดีและได้รับผลกระทบเชิงลบจากความเสี่ยงกับเกี่ยวนโยบายของทรัมป์น้อยกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ

ดังนั้น เรายังคงมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในตราสารทุน เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังคงดีอยู่ โดยเราเชื่อว่าปี 2560 น่าจะยังเป็นปีที่ดีต่อพอร์ตการลงทุน Global Absolute Return

หากท่านสนใจรับคำแนะนำลงทุน NTER GAR สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิได้ที่ http://bit.ly/NTER-Posttoday เพื่อรับบริการพิเศษจาก FINNOMENA ได้นะครับ