posttoday

วิธีเปลี่ยน "งาน" ให้กลายเป็น "ทรัพย์สิน"

23 มีนาคม 2560

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH

สำหรับคนที่ทำงานรับจ้างอิสระ หรือที่เรียกกันให้หรูและดูดีว่า “ฟรีแลนซ์” นั้น สิ่งที่ทุกท่านมีกันอยู่แทบทุกคนก็คือ ความสามารถพิเศษบางอย่างซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งมีคนพร้อมจ้างและพร้อมจ่ายเงินให้

แต่งานประเภทนี้ส่วนใหญ่มักสร้างรายได้ที่เรียกว่า Active Income หรือรายได้จากการทำงาน ซึ่งจะได้เงินเมื่อลงมือทำงานเท่านั้น ไม่รับงาน หรือไม่ทำงาน ก็จะไม่มีรายได้ ซึ่งต่างจากรายได้ที่มาจากทรัพย์สิน หรือ Passive Income ที่ลงมือทำหนึ่งครั้งก็สามารถบริหารสิทธิในงานนั้น เพื่อใช้ประโยชน์และทำเงินในครั้งต่อๆ ไปได้

อย่างไรก็ดี เราสามารถปรับโน่นนิด นี่หน่อย เพื่อให้ “งาน” ที่สร้าง Active Income เปลี่ยนไปเป็น “ทรัพย์สิน” ที่สร้าง Passive Income ได้ ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1) ทำงานครั้งเดียวให้ใช้ซ้ำได้มากกว่า 1 ครั้ง

อย่างกรณีของช่างภาพท่านหนึ่งที่รับจ้างถ่ายภาพงานทั่วไป เช่น งานรับปริญญา งานแต่งงาน รวมไปถึงงานอีเวนต์ต่างๆ แทนที่เขาจะรับจ้างถ่ายภาพเพียงอย่างเดียว เขาก็อาจฝึกถ่ายภาพแบบอื่นๆ เก็บสะสมไว้เป็นสต๊อก แล้วนำไปขายในเว็บไซต์ขายภาพชื่อดังต่างๆ ได้ เป็นต้น

คิดง่ายๆ ว่า ภาพรับปริญญาของบัณฑิตสักท่านหนึ่งเราเอาไปขายใครต่อไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากได้นอกจากตัวน้องบัณฑิตท่านนั้นเอง แต่สำหรับภาพวิว ทิวทัศน์ อาคารบ้านเรือน ภาพชิกๆ เก๋ๆ ผู้คนสามารถหยิบจับภาพเราไปทำอาร์ตเวิร์ก หรือทำประโยชน์อื่นๆ ต่อได้อีกมากมาย

ในกรณีนี้ภาพสวยๆ ที่เราถ่ายเก็บเอาไว้ก็จะกลายเป็น “ทรัพย์สิน” และเงินที่คนจ่ายซื้อภาพของเราเพื่อไปใช้งานก็จะเปลี่ยนจาก “ค่าจ้าง” กลายเป็นกระแสเงินสดในรูปของ “ค่าลิขสิทธิ์” นั่นเอง

ปัญหาสำคัญของการสร้างรายได้แบบนี้ก็คือ ในช่วงแรกมันอาจเป็นงานที่ยังไม่ทำเงินให้กับเราในทันที เพราะกว่าจะถ่ายภาพดีๆ ได้จำนวนมากพอ กว่าจะอัพโหลดขึ้นหน้าร้าน กว่าจะขายได้แต่ละภาพ มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น ผิดกับรับจ้างถ่ายรูปรับปริญญาที่ทำงานเสร็จก็ได้เงินทันที ซึ่งนั่นอาจทำให้ใครบางคนล้มเลิกการทำไปเสียก่อน

แต่ถ้าคุณมองข้ามปัญหาการทำงานที่ยังไม่ได้เงินในช่วงแรกไปได้ คุณก็มีโอกาสสร้างทรัพย์สินที่จะทำเงินให้คุณในระยะยาวได้ครับ

2) แบ่งงานให้คนอื่นทำแทนบ้าง

ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งทำงานฝีมือเก่งมาก เธอแบ่งเวลาจากงานประจำไปเรียนหลักสูตรงานฝีมือมากมาย อาทิ วาดภาพ เย็บปักถักร้อย และงานไม้ ฯลฯ เธอทำได้หมด

ด้วยความมั่นใจในฝีมือตัวเอง เธอจึงเริ่มเปิดกิจการรับจ้างทำของชำร่วยทำมือ สำหรับแจกในงานแต่งงาน ผ่านทางเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ ช่วงแรกที่เริ่มทำงานยังไม่เยอะ เลยยังพอทำด้วยตัวเองคนเดียวไหว หลังๆ เริ่มมีปัญหา เพราะลูกค้าติดต่อมาเยอะมากและเริ่มทำงานไม่ทัน

ครั้งหนึ่งเธอเคยรับทำตุ๊กตาผ้าสำหรับแขวนหน้ารถ เป็นของชำร่วยงานแต่งงานรวมกันกว่า 300 ชิ้น ด้วยตัวเธอเพียงคนเดียวได้เรื่องเลยครับ ถึงขั้นลางานที่ทำมาเย็บตุ๊กตากันเลยทีเดียว

หลังจากเคสนั้น เธอแก้ปัญหาด้วยการแบ่งงานบางส่วนให้กับเพื่อนๆ ที่เคยเรียนในคลาสงานฝีมือด้วยกัน เลือกเฉพาะคนที่มีฝีมือดีและมีความรับผิดชอบช่วยให้เพื่อนๆ มีรายได้เสริม ส่วนเธอก็ได้ส่วนแบ่งจากค่าการตลาด

แบบนี้ในหลักการเขาเรียกว่า Other People’s Resources (OPR) หรือใช้ทรัพยากรของคนอื่น นั่นก็คือ เวลา และเครือข่ายของยอดฝีมือที่ช่วยทำงานเย็บปักถักร้อยให้ก็กลายเป็น “ทรัพย์สิน” ของเธอไป

หลักการสำคัญของการแบ่งงานให้คนอื่นทำบ้างก็คือ การสร้างระบบการทำงานที่ทำให้เราสามารถควบคุมงานที่ Outsource ออกไป ให้แล้วเสร็จทันเวลา และมีคุณภาพตามต้องการ รวมถึงบริหารผลประโยชน์กับทีมงานที่มาช่วยอย่างเหมาะสม ให้ได้ประโยชน์และพอใจด้วยกันทุกฝ่าย

ทำงานให้ใช้ซ้ำได้ ขายซ้ำได้ หรือแบ่งงานบางส่วนหรือทั้งหมดให้คนอื่นทำคือ วิธีการง่ายๆ เบื้องต้นในการเปลี่ยนงานให้กลายเป็นทรัพย์สิน และเปลี่ยนรายได้จากการทำงาน หรือ Active Income ให้กลายเป็น Passive Income

ทำงานรับจ้างหาเงินได้เยอะแล้ว ลองเสริมช่องทางรายได้ด้วยการทำให้งานเป็นทรัพย์สิน ที่สร้างรายได้ในบางช่วงเวลาที่เราไม่ได้ทำงานดูด้วย ก็น่าจะทำให้สถานะการเงินของคนทำงานรับจ้าง หรือฟรีแลนซ์ มีความมั่นคงทางการเงินได้มากขึ้น ยังไงก็ลองนำแนวทางข้างต้นไปปรับใช้กันดูนะครับ