สร้างความร่ำรวย ในแบบมนุษย์เงินเดือน

โดย....ราตรีแต่ง

รับเงินเดือนคงที่มานมนานกาเล แต่ถ้าให้เลิกฝัน (หวาน) เรื่องความรวย ชีวิตคงดูสิ้นหวังเกินไป แล้วถึงแม้ในโลกความจริงหนุ่มสาวมนุษย์เงินเดือนแบบเราๆ ล้วนประสบปัญหาในการใช้เงินเดือนชนเดือนซ้ำซาก อย่าถามตัวเลขจำนวนเงินเก็บให้ช้ำใจ แค่ใช้พอในแต่ละเดือนก็เต็มกลืนชักหน้าไม่ถึงหลังเป็นประจำทุกๆ เดือนแล้ว อยากมีเงินเก็บก้อนใหญ่กับเขาบ้างแต่ก็ทำไม่เคยได้ ก็อย่าเพิ่งย่อท้อขอเพียงแค่มีใจสู้และมุ่งมั่นที่จะทำแค่นี้ก็สำเร็จไปครึ่งทางแล้ว ลองเริ่มต้นด้วยเคล็ดลับรวยแบบมนุษย์เงินเดือนกันดู

แบ่งเงินเป็นส่วนๆ ตั้งแต่ต้นเดือน

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนไม่มีเงินเก็บ มาจากการที่เมื่อได้รับเงินเดือนมาแล้วไม่มีการวางแผนหรือจัดเงินสำหรับค่าใช้จ่ายให้เป็นสัดส่วน พอรู้ตัวอีกทีก็ใช้เพลินจนเงินเกลี้ยงกระเป๋า กระจัดกระจายหายไปทางไหนก็บอกไม่ได้อีก เงินเข้ากระเป๋าซ้ายบินออกกระเป๋าขวา หายแวบ... วิธีแก้ไขปัญหาข้อแรกนี้ เมื่อได้เงินเดือนมาต้องแยกค่าใช้จ่ายประจำแต่ละเดือนไปเลย เช่น ค่าผ่อนบ้านสำคัญและก้อนใหญ่ที่สุด ค่าใช้จ่ายคงที่ในแต่ละเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าซื้อของใช้ส่วนตัว ค่าเดินทาง ค่ากิน ฯลฯ ค่าใช้จ่ายก้อนนี้เราสามารถคำนวณได้ว่าแต่ละเดือนเราเหลือเท่าไร เพื่อมีการวางแผนในการออมเงิน จัดสรรเงินใหม่ให้ลงตัว

มนุษย์เงินเดือนเฟิสต์จ๊อบเบอร์ ช่วงอายุระหว่าง 20-30 ปี Krungsri Guru มีคำแนะนำดีๆ วัยหลังเรียนจบหนุ่มๆ สาวๆ วัยนี้ถือเป็นวัยเริ่มต้นการทำงาน ภาระและหนี้สินต่างๆ ยังไม่มีมากนัก ทางลัดช่วยให้เรียนรู้ระบบการออมเงินได้ดีที่สุด คือ ต้องหาต้นแบบที่ดี เพราะจะช่วยให้เรียนรู้วิธีการจัดการเรื่องการเงินอย่างเป็นระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วงอายุในวัยนี้ถือเป็นวัยที่ได้เปรียบอย่างมากเพราะสามารถรับความเสี่ยงต่างๆ ได้ดี ถึงเสียเงินไปจากการลงทุนก็ยังมีเวลาอีกมากที่จะหารายได้มาทดแทน ส่วนการลงทุนอาจจะเริ่มนำเงินออมไปลงทุนเป็นตราสารทุนแบบหุ้นระยะยาว เพราะการลงทุนในระยะยาวหุ้นจะมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น คือยังไงก็ได้กำไร และอาจเก็บเงินออมไว้ในเงินฝากธนาคารและตราสารหนี้บ้างก็ได้ เพราะได้อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอน

สำหรับคนช่วงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ช่วงเริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ โดยในวัยนี้ควรเน้นไปที่การออมให้ได้เกินครึ่งขึ้นไป จะนำไปฝากธนาคารเพื่อไว้กินดอกเบี้ยหรือซื้อตราสารหนี้ต่างๆ อาจจะนำเงินออมไปลงทุนเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ไม่ควรลงทุนกับธุรกิจที่มีความเสี่ยง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้การออมประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย มีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้อย่างไม่เดือดร้อน

ใช้ตัวช่วย ลงทุนให้เงินงอกเงย

การเก็บออม แล้วนำเงินไปฝากธนาคารอาจดูเข้าท่าสำหรับคนที่ไม่เคยเก็บเงินได้เลย แต่จะดีกว่าถ้าเงินเก็บเรางอกเงย และเอาชนะเงินเฟ้อได้ อย่างที่เรารู้ว่าเงินออมกับธนาคารด้วยภาวะดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบันโอกาสที่เราจะเอาชนะเงินเฟ้อแทบไม่มี หรือเป็นไปได้น้อยมาก แต่ไม่เหมือนกับการนำเงินไปลงทุนต่อยอดให้งอกเงย แม้จะมีความเสี่ยง แต่ก็มีผลตอบแทนที่น่าสนใจ โดยตัวช่วยดังกล่าว ได้แก่

- ลงทุนในกองทุนรวม การลงทุนในกองทุนรวมเท่ากับเราจ้างผู้จัดการกองทุนเก่งๆ ช่วยต่อยอดให้เงินเรางอกเงยได้เร็วขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วกองทุนรวมจะให้ผลตอบแทนราว 5-10% ต่อปี 

- ลงทุนในหุ้น การซื้อหุ้นนั้นดูง่าย แต่ทำให้สำเร็จจริงไม่ง่าย เคล็ดไม่ลับก็คือ ให้ซื้อหุ้นระยะยาว หุ้นที่มีอนาคตดี มีปันผลดี ซื้อแล้วปล่อยไปเลยไม่ต้องติดตามมาก แต่ต้องเป็นหุ้นที่แข็งแกร่งไม่เจ๊งง่ายๆ เลือกหุ้นตัวใหญ่ไว้ก่อน โดยเฉลี่ยแล้วหุ้นจะให้ผลตอบแทนราว 5-10% ต่อปี

- ซื้อฉลากออมเงินรูปแบบต่างๆ ฉลากออมเงินในปัจจุบันก็มีให้เลือกมากมาย โดยรวมแล้วผลตอบแทนสู้กองทุนรวมกับหุ้นไม่ได้ แต่มีความเสี่ยงต่ำกว่า

คนรวยมีเงินช่วยทำงาน

มนุษย์เงินเดือนแทบทุกคนล้วนทำงานหนักเพื่อเก็บเงิน แต่คนรวยไม่ได้เป็นแบบนั้น เมื่อทำงานหนักได้เงินมาพวกเขาใช้ให้เงินทำงานแทนพวกเขา วอร์เรน บัฟเฟตต์ เริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และนับจากนั้น เขาก็ให้เงินทำงานหนักกว่าเขาหลายเท่า กุญแจไขรหัสเซฟเก็บเงินของคนรวยคือขวนขวายหาความรู้ตลอดเวลา ถ้าใครที่ติดตามหรือแกะรอยความรวยของบัฟเฟตต์ ก็จะพบว่า แม้จะร่ำรวยแล้วแต่เขาก็ยังเป็นคนที่เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง นิสัยโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของบรรดามหาเศรษฐีคือ ยิ่งรวยมากเท่าไหร่ ยิ่งมั่งคั่งมาก พวกเขายิ่งใช้ชีวิตอย่างสมถะและเรียบง่ายมากกว่าคนที่เพิ่งรวย ลองเริ่มต้นสร้างนิสัยการใช้เงินด้วยเคล็ดลับเหล่านี้กันเลย