posttoday

หุ่นยนต์ช่วยลงทุน กำไรได้ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ

24 กันยายน 2559

ถ้าจำกันได้ เมื่อประมาณกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เราตื่นเต้นกันมากมายที่ AlphaGo ซึ่งเป็น “ปัญญาประดิษฐ์”

โดย...สวลี ตันกุลรัตน์ [email protected]

ถ้าจำกันได้ เมื่อประมาณกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เราตื่นเต้นกันมากมายที่ AlphaGo ซึ่งเป็น “ปัญญาประดิษฐ์” (Artificial intelligence) หรือเรียกสั้นๆ ว่า AI จาก Google Deepmind  สามารถเอาชนะ Lee Sedol แชมป์โกะโลก 18 สมัย ชาวเกาหลีใต้ ไปได้อย่างขาดลอย

ชัยชนะในครั้งนี้ ยังตอกย้ำกับชาวโลกว่า ในอนาคตอันใกล้ “สมองกล” คงจะมาแทนที่ “สมองคน” ได้อย่างแน่นอน

และในโลกของการลงทุน อนาคตอันใกล้นั้นได้เดินทางมาถึงแล้ว เพราะข้อมูลจาก Eurekahedge (เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลและผลตอบแทนเฮดจ์ฟันด์) พบว่า ในปัจจุบันมีเฮดจ์ฟันด์ที่ใช้ AI ในการบริหารจัดการกองทุนทั้งหมด 12 กองทุน และนับจากต้นปีจนถึงวันที่ 19 ส.ค. 2559 สามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้เกือบ 7%

นอกจากนี้ ดัชนี Eurekahedge แสดงให้เห็นว่า ถ้าเริ่มจาก 100 จุดเท่ากัน เมื่อต้นปี 2558 กองทุน AI ขึ้นไปถึง 124 จุด เมื่อสิ้นไตรมาส 3 ปีนี้ ขณะที่เฮดจ์ฟันด์โดยรวมขึ้นมาเพียง 104 จุด เท่านั้น

แต่ผลงานที่น่าตื่นเต้น คือ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2559 ที่สหราชอาณาจักรมีประชามติถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งทำให้ปั่นป่วนไปทั้งตลาดเงินและตลาดทุน โดยตลาดหุ้นทั่วโลกตกไป 2-5% ขณะที่เฮดจ์ฟันด์ขาดทุนกันเฉลี่ย 0.18% แต่ “กองทุนสมองกล” สามารถทำกำไรได้ 0.71% และบางกองทุนทำกำไรไปถึง 5.2% ภายในวันเดียว โดยที่ไม่ต้องอาศัยสมองคน เพราะมี “หุ่นยนต์ช่วยลงทุน”

เห็นแบบนี้แล้ว ต้องไปทำความรู้จักกับ “หุ่นยนต์ช่วยลงทุน” ที่จะเข้ามาทำให้การลงทุนเป็นเรื่องสบายๆ ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอก็สามารถทำกำไรได้

- จะเรียกว่าอะไรก็ไม่ต่างกัน

ชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟินเทค (ประเทศไทย) บอกว่า สิ่งที่เราเรียกว่า “หุ่นยนต์ช่วยลงทุน” ซึ่งบางคนอาจจะรู้จักกันในชื่อ...

- Algorithmic Trading

- Program Trading

- Automated Trading

- Quantitative Trading

- System Trading

- Robot Trading

แต่ทั้งหมดนี้ คือ ระบบเทรดอัตโนมัติ หรือโปรแกรมซื้อขายหุ้นอัตโนมัติ โดยที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จะส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นด้วยตัวเองทันที เมื่อราคาหุ้น สภาวะตลาด หรือตัวแปรอื่นๆ เข้าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ โดยอัตโนมัติ

หุ่นยนต์ช่วยลงทุน กำไรได้ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ

 

ชลเดช บอกว่า ข้อดีของ Algorithmic Trading หรือเรียกย่อๆ แบบเท่ห์ๆ ว่า “Algo Trading” มีอยู่ 5 ข้อ คือ

1.มีวินัย ไม่มีอารมณ์

เพราะ “อารมณ์” มักจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกสำหรับนักลงทุน ทำให้การลงทุนไขว้เขวไปจากวินัยการลงทุนที่วางไว้ โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดใจขาย เพื่อจำกัดการขาดทุน (Cut Loss) ซึ่งถ้าไม่แน่วแน่ในวินัยการลงทุนจริง ก็คงทำใจได้ยาก

แต่ถ้าเป็น “หุ่นยนต์” หรือโปรแกรมที่กำหนดเงื่อนไขไว้แล้ว จะทำตามวินัยอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เหมือนกับที่ ชลเดช บอกว่า “คงรับประกันไม่ได้ว่า การใช้ Algo Trading จะมีกำไร แต่มีวินัยในการลงทุนแน่นอน”

“โดยสถิติแล้วนักลงทุนรายย่อยจะขาดทุนมากกว่ากำไร เพราะไม่มีวินัยในการลงทุน เพราะฉะนั้นเพียงแค่เอากลยุทธ์ง่ายๆ ไปให้ Robot ซื้อขายในระยะยาว น่าจะทำกำไรได้ดีกว่าค่าเฉลี่ย” ชลเดช กล่าว

2.ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอรอดูหุ้น

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ “สมองกล” ได้เปรียบกว่า “สมองคน” คือ นอกจากจะไม่ต้องเครียด ไม่ต้องปวดหัวกับการตัดสินใจลงทุนในแต่ละครั้งแล้ว Algo Trading ยังทำให้การลงทุนทำได้ง่ายๆ สบายๆ เพราะไม่ต้องเฝ้าหน้าจอรอดูราคาหุ้นให้เหนื่อยแรง

เพราะฉะนั้นจึงไม่มีข้อจำกัดว่า จะซื้อขายหุ้นในไทย หรือต่างประเทศที่มีช่วงเวลาแตกต่างกัน เพราะเราสามารถปล่อยให้ “หุ่นยนต์” ทำงานไป ในขณะที่เราหลับก็ได้

3.ซื้อขายทันทีเมื่อมีสัญญาณ

ด้วยความเร็วระดับวินาที ที่ “สมองกล” สามารถทำได้ ทำให้การซื้อขายเกิดขึ้นได้ทันทีเมื่อมี “สัญญาณทางเทคนิค” ไม่ว่าสัญญาณนั้นจะถี่บ่อยแค่ไหน

แต่ข้อดีนี้ อาจจะไม่ค่อยถูกใจนักลงทุนทั่วไปสักเท่าไร โดยเฉพาะในจังหวะที่ตลาดร่วงลงมาแรงๆ (ทั้งตลาดเงินและตลาดทุน) เพราะเมื่อตลาดตกลงมาจนถึงจุดหนึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อาจจะทำให้เกิดการ “เทขาย” เพื่อตัดขาดทุนของบรรดา “หุ่นยนต์ช่วยลงทุน” ซึ่งจะกลายเป็นการซ้ำเติมให้ตลาดร่วงลงไปอีก

อย่างไรก็ตาม ชลเดช กล่าวว่า เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้ในตลาดต่างประเทศ เพราะมีการใช้ Algo Trading กันมากขึ้น แต่ในประเทศไทยยังไม่มีผลกระทบมากขนาดนั้น

4.ลงทุนได้หลายกลยุทธ์

ต่อให้เป็นนักลงทุนที่เก่งกาจขนาดไหน ก็ไม่สามารถแบ่งสมองไปลงทุนด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายนัก ยกเว้นว่า จะไว้ใจยกเงินให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นไปช่วยลงทุน แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า คนนั้นจะคงเส้นคงวากับกลยุทธ์การลงทุนนั้นได้จริง

แต่ถ้าเป็น “หุ่นยนต์ช่วยลงทุน” ก็เชื่อได้เลยว่า จะลงทุนไปตามกลยุทธ์ หรือโมเดล ที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน และจะเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้อีกทางหนึ่ง

- เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย

อย่าคิดว่า “หุ่นยนต์ช่วงลงทุน” จะเป็นเรื่องไกลตัว เพราะขณะนี้มีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลายแห่งเริ่มมีบริการ Algo Trading กันแล้ว เช่น บล.แอพเพิลเวธท์ และ บล.บัวหลวง สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น และ บล.กสิกรไทย สำหรับการลงทุนในตลาดอนุพันธ์

และเชื่อได้เลยว่า ในอีกไม่กี่ปีนับจากนี้แทบทุกแห่งจะต้องมี Algo Trading ไว้ให้บริการนักลงทุนแน่นอน

ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของนักลงทุนที่อยากจะสะดวกสบายโดยใช้บริการ Algo Trading ที่จะต้องเลือก “หุ่นยนต์” หรือโมเดลการลงทุนที่เราชอบ ที่เราถูกใจ ที่เหมาะกับตัวเอง และมั่นใจว่า จะสามารถทำกำไรให้เราได้

แต่ถ้าเราเป็น “เซียน” ที่มีโมเดลการลงทุนของเราเอง แต่นึกเบื่อการนั่งเฝ้าหน้าจอก็สามารถ “ถอดสมอง” มาเป็นสมองกล พัฒนาโปรแกรมการซื้อขายตามโมเดลของเราได้ และถ้านำไปแบ่งปันให้นักลงทุนคนอื่นๆ ได้กำไร เราก็มีส่วนแบ่งกำไรกับเขาด้วย

“ถ้าคิดว่า มีโมเดลเจ๋งๆ ก็เข้ามาคุยกับเราได้เลย ซึ่งเรามีทีมงานช่วยเขียนโมเดล และช่วยปรับ ไม่ได้คิดค่าเขียนโมเดล ตอนนี้ก็เริ่มมีนักลงทุนหลายคนเข้ามาคุย ทั้งที่มีประสบการณ์การลงทุนมานาน และเด็กรุ่นใหม่ที่มีไอเดีย แต่วันแรกที่เจอกันเราจะไม่คุยเรื่องโมเดลเลย แต่จะคุยเรื่องแนวคิด เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” ชลเดช กล่าว