posttoday

ธปท.ย้ำแบงก์ เข้มเปิดบัญชี

03 พฤษภาคม 2560

ธปท.เตือนประชาชนรับจ้างเปิดบัญชีผิดกฎหมาย ระบุได้กำกับไปที่สถาบันการเงินให้ดูแล ใกล้ชิดมากขึ้น

ธปท.เตือนประชาชนรับจ้างเปิดบัญชีผิดกฎหมาย ระบุได้กำกับไปที่สถาบันการเงินให้ดูแล ใกล้ชิดมากขึ้น

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลัง ธปท.เห็นข่าวการใช้ธุรกรรมทางการเงินของมิจฉาชีพไปต้มตุ๋นหรือหลอกลวงว่าจะให้ผลตอบแทนสูงใน รูปแบบต่างๆ จึงอยากเตือนให้ประชาชนระมัดระวัง และหากมีข้อสงสัยว่าธุรกรรมทางการเงินที่ประชาชนสงสัยว่าเป็นการต้มตุ๋นหรือไม่ หรือมีข้อเท็จจริงอย่างไร สามารถโทรเข้ามาตรวจสอบกับ ธปท.ที่ สายด่วน 1213 ซึ่งเป็นศูนย์คุ้มครอง ผู้ใช้บริการทางการเงินได้

"ขณะนี้เราเห็นคนที่ทำธุรกิจแปลกๆ นายหน้าเปิดบัญชี เอาบัญชีที่เปิดแล้วขาย มีจุดประสงค์ไม่ดี ทำธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นช่องทางในการโอนเงิน ถือว่าผิดกฎหมายอยู่แล้ว และใครก็ตามให้คนอื่นเอาชื่อไปเปิดบัญชี ไปขาย ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เรื่องนี้ ธปท.คุยกับสถาบันทางการเงิน กำชับเพิ่มมาก ขึ้น เพื่อให้มีความรัดกุมในการพิสูจน์ตัวตนในการทำธุรกรรมทางการเงินอย่างตรงไปตรงมา" นายวิรไท กล่าว

นอกจากนี้ เรื่องเงินอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าวันคอยน์ (ONE COIN) บิตคอยน์ (BITCOIN) ฯลฯ ธปท.มีทีมทำงานที่ติดตามดูอยู่แล้ว หากพบอะไรที่เป็นปัญหา ธปท.จะทำการเตือนเป็นระยะ ขอย้ำว่าสกุลเงินเหล่านี้ไม่สามารถนำมาใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ ธปท.ได้ติดตามดูอยู่ ถ้าพบว่ามีใครทำก็จะติดต่อไปที่ให้ผู้เกี่ยวข้องให้เข้าไปจัดการ เรื่องนี้ผิดกฎหมายหลายตัว อาจจะโยงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพราะใช้บัญชีคนอื่นมาทำธุรกรรม ฉะนั้นการพิสูจน์ตัวตนก่อนการใช้บริการทางการเงินจึงสำคัญมาก

"ต่อไปจะมีการตรวจสอบตัวตนโดยใช้ ไบโอเมตริกซ์ (Biometrics) ที่ ทันสมัยมากขึ้น เป็นการตรวจสอบตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-KYC) ช่วยระบุตัวตนที่แท้จริงของลูกค้า ในอนาคตจะมีผู้ให้บริการที่เข้ามาทดลองให้บริการในสนามทดลองของ ธปท. (Regulatory Sand box) ซึ่งมีผู้สนใจจะใช้ E-KYC ที่อยู่ระหว่างพิจารณาด้วย มีศักยภาพสูงในการตรวจสอบสูงและลดต้นทุนสถาบันทางการเงินได้ด้วย" นายวิรไท กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีบุคคลมาลงทะเบียนใช้ระบบพร้อมเพย์แล้ว 4.3 ล้านบัญชี