ชงลดภาษีบุคคลนาน15ปี
ต่างชาติแห่ลงทุนอีอีซี หลังคลังลดภาษีเงินได้เหลือ 17% นานสุด 15 ปี สู้สิงคโปร์และฮ่องกง
ต่างชาติแห่ลงทุนอีอีซี หลังคลังลดภาษีเงินได้เหลือ 17% นานสุด 15 ปี สู้สิงคโปร์และฮ่องกง
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า คลังจะเสนอลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือ 17% สำหรับคนที่เข้ามาทำงานในโครงการที่รับอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี และต้องเป็นโครงการใน 10 อุตสาหกรรมใหม่ที่รัฐบาลส่งเสริม
นอกจากนี้ สำนักงานใหญ่ของ บริษัทที่ได้รับอนุมัติจะต้องตั้งอยู่ใน อีอีซี เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างเลี่ยงภาษีได้ โดยผู้เสียภาษีสามารถเลือกได้ว่าจะ เสียภาษีระบบปกติตามขั้นบันได้สูงสุด 35% เมื่อหักค่าลดหย่อนต่างๆ แล้ว จะเสียภาษีในอัตราประมาณ 28% หรือจะเสียภาษีแบบเหมา ไม่สามารถหัก ลดหย่อนต่างๆ ได้ที่อัตรา 17% โดยให้สิทธิทั้งแรงงานต่างชาติและคนไทย และได้ลดภาษีในระยะเวลาเท่ากับอายุโครงการที่ได้รับอนุมัติจากบีโอไอ
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ ให้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลกิจการที่ตั้งในอีอีซีเป็นเวลา 13 ปี และเพิ่มเป็น 15 ปี หากเป็นกิจการเป้าหมายของประเทศไทย เท่ากับบุคคลที่ทำงานในอีอีซีจะได้ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 13-15 ปีด้วย
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะทำให้ นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในอีอีซีของไทยมากขึ้น เพราะจากการหารือกับ นักลงทุนที่ผ่านมา พบว่า อยากเข้ามาลงทุน แต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทยยังสูงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น สิงคโปร์ เสียในอัตรา 20% และฮ่องกง เสียในอัตราก้าวหน้าสูงสุด 17%
"นักลงทุนบอกว่าหากลดภาษี รายได้บุคคลธรรมดามาที่ 17% ก็จะเข้ามาลงทุน และการลดภาษีนี้จะทำให้ เก็บภาษีมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาผู้บริหารต่างประเทศที่เข้ามาทำงานในไทย จะรับเงินเดือนในประเทศไทยบางส่วนเพื่อให้เสียภาษีน้อย ส่วนที่เหลือจะไปรับในประเทศที่เสียภาษีต่ำกว่า แต่เมื่อไทยลดภาษีและให้ทางเลือกว่าจะเสียแบบไหนก็ได้ จะทำให้คนต่างชาติรับเงินเดือนทั้งหมดในไทย" นายอภิศักดิ์ กล่าว
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คลังได้ออกมาตรการยกเว้นภาษีรายได้บุคคลธรรมดาที่มีความสามารถพิเศษไปแล้ว เพื่อดึงให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในอีอีซีของไทย ซึ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความรู้ความสามารถ ให้ช่วยเหลือบริษัทที่เล็กกว่าให้แข็งแรงขึ้น โดยกระทรวงการคลังให้บริษัทนำรายจ่ายมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ 2 เท่า แต่ที่ผ่านมายังไม่สามารถประชาสัมพันธ์ให้โครงการนี้เป็นที่แพร่หลายได้