posttoday

ตั้งเป้าพร้อมเพย์ลดใช้เงินสดปีหน้า 5%

13 ธันวาคม 2559

สมาคมธนาคารไทยตั้งเป้าบริการพร้อมเพย์ช่วยลดยอดใช้เงินสด5% ในปีหน้า หลังคนแห่ลงทะเบียนแล้ว 18 ล้านคน

สมาคมธนาคารไทยตั้งเป้าบริการพร้อมเพย์ช่วยลดยอดใช้เงินสด5% ในปีหน้า หลังคนแห่ลงทะเบียนแล้ว 18 ล้านคน

นายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย กล่าวในงานสัมมนา”ความเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจจากธุรกรรมในระบบพร้อมเพย์” ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า ขณะนี้ระบบ”พร้อมเพย์” อยู่ระหว่างการทดสอบระบบออนไลน์และการหักชำระเงิน (เพย์เม้นท์) ซึ่งผลการทดสอบระบบก็ทำได้ดี มีคนมาลงทะเบียนแล้ว 18 ล้านคน มีจำนวนบัญชีที่เตรียมจะใช้บริการแล้วประมาณ 38 ล้านบัญชี เนื่องจากหนึ่งคนลงทะเบียนผูกได้หลายบัญชี คาดว่าเมื่อเปิดให้บริการแล้วปีหน้าจะลดการใช้เงินสดลงได้ 5% จากปัจจุบันมีการใช้เงินสดอยู่ประมาณ 97%

"ส่วนการป้องกันภัยความเสี่ยงทางอาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ระบบพร้อมเพย์มีการเตรียมการป้องกันดูแลเต็มที่ในการควบคุมความปลอดภัย ฉะนั้น จึงขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยจนไม่กล้ามาใช้บริการ"

นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า ระบบหลังบ้านของธนาคารพาณิชย์ในไทยส่วนใหญ่ปลอดภัยสูง ถ้าดูช่องโหว่งถือว่าดีกว่าหลายๆประเทศมาก แต่ที่ผ่านมาปัญหาเกิดจากฝั่งผู้บริโภคมากกว่า ทั้ง การสกิมมิ่งบัตร คัดลอกข้อมูลบัตร การหลอกลวงฉ้อโกง ฯลฯ เพราะเราชอบของฟรี เข้าไปโหลดเว็บไซต์ที่มีความสุ่มเสี่ยง และมักข้อมูลไปเกือบหมดเพราะชอบแชร์ ทำให้ไม่มีความเป็นส่วนตัว และยังการเปิดข้อมูลโน้นนี่นั้นโดยไม่จำเป็นมันกลายเป็นปัญหาให้คนอื่นมาเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายไป

"การเปิดเผยข้อมูลบัตรประชาชนก็ควรดูให้เหมาะสม ไม่ใช่เปิดจนเสียเสรีภาพส่วนตัวไปหมดเลย จึงอยากให้ผู้บริโภคตระหนักและตื่นตัวในการนำข้อมูลไปใช้ให้มากขึ้น"นางสุรางคณากล่าว

ด้านพ.ต.ต.มนุพัศ ศรีบุญลือ สารวัตรฝ่ายอำนวยการ 9 ตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ยอดแจ้งความคดีอาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับแจ้งความมากที่สุด คือ 1.คดีด่ากันบนโลกออนไลน์ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ 2.การหลอกลวงโอนเงิน สั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์แต่ไม่รับสินค้า และการหลอกโอนเงินของชายชาวต่างชาติที่มาหลอกว่าจะแต่งงานกับหญิงไทย ซึ่งมักหลอกให้โอนเงินค่าธรรมเนียมต่างๆไปก่อนโอนเงินค่าสินสอดมาแต่งงานจริงๆ เป็นต้น 3.การแฮกเฟซบุ๊ก ไลน์ เพื่อนำข้อมูลตัวตัวของคนอื่นๆไปหลอกลวง ให้ผู้อื่นหลงชื่อและโอนเงินมาให้