อี-เพย์เมนต์ ยอดใช้พุ่งเงินสดวูบ

ธปท.เผยยอดใช้ธนบัตรหมุนเวียนเดือน ต.ค.ปีนี้ลด 1.4 แสนล้าน คาดผลพวงเศรษฐกิจชะลอตัวบวกกับคนเมินถือเงินสดหันใช้อี-เพย์เมนต์แทนมากขึ้น

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า ในสิ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาปริมาณเงินสดทั้งที่เป็นธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่หมุนเวียนใช้ในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น จากระยะเดียวกันปีก่อน 7.74 หมื่นล้านบาท หรือ 5.32% จาก 1.45 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 1.53 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น เหรียญกษาปณ์เพิ่มขึ้น 3,863 ล้านบาท หรือ 6.53% โดยมียอดคงค้างรวมอยู่ที่ 6.3 หมื่นล้านบาท และปริมาณธนบัตรเพิ่มขึ้น 7.36 หมื่นล้านบาท หรือ 5.27% มียอดคงค้างอยู่ที่ 1.47 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูในรายละเอียดกลับพบว่า ปริมาณธนบัตรโดยรวมปรับลดลง 1.4 แสนล้านบาท หรือ 8.71% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนจาก 1.61 ล้านล้านบาท เหลือ 1.47 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นการลดลงจากธนบัตรชนิดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นสำคัญ โดยธนบัตรชนิดราคา 1,000 บาท ลดลง 1.21 แสนล้านบาท หรือ 9.5%

ทั้งนี้ ธนบัตรชนิดราคา 500 บาท ลดลง 1.34 หมื่นล้านบาท หรือ 9.39% ธนบัตรชนิดราคา 100 บาท ลดลง 4,224 ล้านบาท หรือ 3.1% ธนบัตรชนิดราคา 50 บาท ลดลง 3,058 ล้านบาท หรือ 15.45% ธนบัตรชนิดราคา 20 บาท ลดลง 124 ล้านบาท หรือ 0.36% และชนิดราคา 10 บาท ลดลง 1 ล้านบาท หรือ 0.03%

นอกจากนี้ ธนบัตรที่เคยออกในโอกาสพิเศษหรือธนบัตรที่ระลึกกลับมีปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 1,590 ล้านบาท อาทิ ธนบัตรชนิดราคา 5 แสนบาท เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท หรือ 1.49% ธนบัตรชนิดราคา 80 บาท ยังคงอยู่ที่ 152 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลง ธนบัตรชนิดราคา 70 บาท คงอยู่ที่ 1,393 ล้านบาท และธนบัตรชนิดราคา 60 บาท เพิ่มขึ้น 43 ล้านบาท หรือ 3.62% อยู่ที่ 1,230 ล้านบาท

ดังนั้น เมื่อเทียบปริมาณเงินสดทั้งธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ในเดือน ต.ค. ปีนี้เทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า ยังปรับขึ้น 2.64 หมื่นล้านบาท หรือ 1.75% แบ่งเป็น เหรียญกษาปณ์เพิ่มขึ้น 336 ล้านบาท หรือ 0.54% และธนบัตรเพิ่มขึ้น 2.61 หมื่นล้านบาท หรือ 1.81% และเมื่อเทียบปริมาณเงินสดหมุนเวียนทั้งระบบในปีนี้ที่ 5.23% กับช่วงปี 2558 เทียบกับปี 2557 ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 2.53% ยังถือว่าเพิ่มขึ้นมากกว่า

นายวรพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี ผู้ช่วย ผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธปท. กล่าวว่า การลดลงของธนบัตรในช่วงนี้อาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ไม่สามารถชี้วัดได้ชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุใดแน่ๆ อาจเป็นผลส่วนหนึ่งจากภาวะเศรษฐกิจ เพราะคนอาจไม่ต้องการถือเงินสดไว้จับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นมากนัก และอีกส่วนการมีระบบการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์หรืออี-เพย์เมนต์ใหม่ๆ ที่ทันสมัย ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกขึ้นของประชาชน ก็มีส่วนทำให้คนถือเงินสดลดลงด้วย แต่การที่เศรษฐกิจชะลอก็ไม่ได้หมายความว่าปริมาณเงินสดจะลดลงเสมอไป