posttoday

ธอส.ให้กู้บ้านดอกเบี้ยต่ำเพิ่ม

04 พฤศจิกายน 2559

ธอส.ขยายวงเงินสินเชื่อบ้าน 63 ปี เป็น 3.75 หมื่นล้าน หวังช่วยคนมีบ้านจ่ายดอกเบี้ยพิเศษ ด้านกรุงศรีฯมึนยอดสินเชื่อต.ค.เนือยลง

ธอส.ขยายวงเงินสินเชื่อบ้าน 63 ปี เป็น 3.75 หมื่นล้าน หวังช่วยคนมีบ้านจ่ายดอกเบี้ยพิเศษ ด้านกรุงศรีฯมึนยอดสินเชื่อต.ค.เนือยลง

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้พิจารณาขยายวงเงินปล่อยกู้โครงการสินเชื่อบ้าน 63 ปี ธอส. จากเดิม 3 หมื่นล้านบาท เป็น 3.75 หมื่นล้านบาท เนื่องจากตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีผู้ยื่นขอกู้แล้วกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท รวมทั้งขยายระยะเวลาในการยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมจากเดิมภายในวันที่ 31 ต.ค. 2559 เป็นจนถึงวันที่ 2 ธ.ค. 2559 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะปล่อยกู้ภายใต้เงื่อนไขเดิม คือ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 5 เดือน เท่ากับดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อย หรือเอ็มอาร์อาร์ ลบ 6.12% เดือนที่ 6-36 ดอกเบี้ยเท่ากับเอ็มอาร์อาร์ ลบ 3.12% และได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมถึง 4 รายการ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าประเมินราคาหลักประกันทุกวงเงินกู้ ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และค่าจดทะเบียนจำนอง

นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อบ้านในเดือน ต.ค. ชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ยอดสินเชื่อต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยราว 5% ขณะที่ยอดยื่นคำขอสินเชื่อในเดือน ต.ค. น้อยลงกว่าปกติ คาดว่าจะทำให้การปล่อยสินเชื่อในเดือน พ.ย. มีแนวโน้มชะลอลง

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงระยะสั้น ซึ่งปกติแล้วในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นฤดูกาลที่ปล่อยสินเชื่อบ้านมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นของปี คาดว่า สินเชื่อบ้านที่อาจชะลอลงในช่วงเดือน ต.ค. และ พ.ย. จะทำให้ยอดสินเชื่อกระจุกตัวอยู่ในเดือน ธ.ค.แทน

ทั้งนี้ ยอดสินเชื่อบ้านปีนี้อาจต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย หลังจากที่เพิ่งปรับเพิ่มเป้าหมายใหม่เป็น 6.5 หมื่นล้านบาท โดย 10 เดือนที่ผ่านมา ปล่อยกู้แล้ว 5.4 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดคงค้างสินเชื่อบ้าน สิ้นปีอาจจะไม่ถึง 2 แสนล้านบาท อย่างที่คาดหวังไว้ โดยจะทรงตัวในระดับกว่า 1.9 แสนล้านบาท

สำหรับแคมเปญสินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 4% คงที่ 5 ปี และ 5% คงที่ 7 ปี ที่เพิ่งทำตลาดในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ มียอดเข้ามาน้อยกว่าที่คาด เนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นเกิดขึ้นช้ากว่าที่ประเมิน ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐที่เลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไปซึ่งน่าจะรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และน่าจะตัดสินใจขึ้นในรอบการประชุมเดือน ธ.ค.นี้