posttoday

รมช.คลังเร่งแก้ทวงหนี้กยศ.

29 เมษายน 2559

รมช.คลัง ตอบกระทู้ สนช. ยันเร่งแก้ทวงหนี้กยศ. หลังพบสถิติชักดาบเพิ่ม เล็งใช้มาตรการดอกเบี้ยกระตุ้นใช้หนี้

รมช.คลัง ตอบกระทู้ สนช. ยันเร่งแก้ทวงหนี้กยศ. หลังพบสถิติชักดาบเพิ่ม เล็งใช้มาตรการดอกเบี้ยกระตุ้นใช้หนี้

วันที่ 29 เม.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่  2 ทำหน้าที่ประธาน โดยได้พิจารณากระทู้ถาม เรื่อง ปัญหาการค้างชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ของนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสนช. เป็นผู้ตั้งถาม ถามนายกรัฐมนตรี โดยมีนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง มาตอบกระทู้แทนนายกฯ

นายวัลลภ  กล่าวว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือกยศ.จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2539 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กู้ยืมเงินนักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจนถึงระดับปริญญาตรี แต่ที่ผ่านมาเกิดปัญหาเมื่อนักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืมเงินจบการศึกษาแล้วไม่ยอมชำระหนี้จนทำให้เกิดการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาล ซึ่งจากสถิติการชำระหนี้ กยศ.มีเพียง 40 % ที่ชำระหนี้คืน และอีก 60% คือ ผู้ไม่มาชำระหนี้ จึงส่งผลให้รัฐบาลสูญสียงงบประมาณ และมีปัญหาในการดำเนินการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ต่อนักเรียน นักศึกษาในรุ่นต่อไปได้ รวมทั้งรัฐบาลยังต้องเสียงบประมาณในการจ้างบริษัทมาทวงหนี้อีก จึงขอถามว่า ปัจจุบันกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาให้กู้ยืมไปแล้วกี่ราย เป็นจำนวนเท่าใด และมีผู้มาชำระหนี้คืนทั้งหมดแล้วเท่าใดและคงเหลือจำนวนเงินที่ยังไม่ได้รับชำระหนี้คืนรวมทั้งหมดเท่าใด  มีปริมาณคดีที่ยังค้างอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลจำนวนเท่าใด และในแต่ละปีต้องเสียงบประมาณในการทวงหนี้ผู้กู้ไปมากน้อยเพียงใด และรัฐบาลมีนโยบายหรือมาตราการในการบังคับคดีหรือทวงเงินกู้ยืมคืนให้มีประสิทธิภาพอย่างไร 

ด้านนายวิสุทธิ์ ชี้แจงว่า ตั้งแต่เริ่มดำเนินงานของกองทุนฯจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 20 ปี ได้อนุมัติวงเงินกู้ยืมเรียนให้นักเรียนนักศึกษากว่า 4,625,210 ราย เป็นเงินกว่า 493,000 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้มีการชำระหนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว 427,352 ราย มีหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนดการชำระหนี้ 1  ล้านกว่าราย และยังหนี้ถึงกำหนดชำระหนี้ประมาณ 3  ล้านกว่าราย เป็นเงินประมาณแสนล้านบาท ซึ่งมีจากข้อมูลพบว่า มีการค้างชำระหนี้กว่า 1.9 ล้านราย  คิดเป็น 62 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง ส่วนการฟ้องร้องคดีนั้นมีการดำเนินคดีกับผู้กู้ยืมเงินกว่า  7.9  แสนราย  และศาลมีคำพิพากษาให้ผู้กู้ยืมเงินหรือผู้ค้ำประกันชำระเงินคืนแต่ก็ยังไม่มาชำระหนี้ 7.4 แสนราย ทั้งนี้ยังมีคดีที่ค้างการพิจารณาของศาลอีก 33 ราย ถือเป็นจำนวนที่น่ากังวล

รมช.คลัง กล่าวว่า ทั้งนี้กยศ.จึงได้พยายามแก้ไขโดยการสร้างแรงจูงใจให้กลับมาชำระหนี้ เช่น ลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้ที่มาชำระหนี้ก่อนกำหนด  การทำบันทึกข้อตกลงกับนายจ้างที่ผู้กู้ยืมเป็นลูกจ้างก็ให้หักเงินเดือน และเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ชำระหนี้ในการเพิ่มช่องทางชำระหนี้ผ่านร้าน สะดวกซื้อ ยืนยันรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ มีการจัดการเรื่องนี้นอกจากนโยบายที่สร้างแรงจูงใจแล้วและจะมีการปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น