posttoday

แบงก์ล้มได้เงินฝากคืนใน7วัน

27 เมษายน 2559

ครม.แก้กฎหมาย แบงก์เจ๊งคืนเงินฝากภายใน 7 วัน พร้อมยืดเวลาลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านอีก 4 ปี

ครม.แก้กฎหมาย แบงก์เจ๊งคืนเงินฝากภายใน 7 วัน พร้อมยืดเวลาลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านอีก 4 ปี

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2559 อนุมัติให้มี การเลื่อนการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท ออกไปอีก 4 ปี จากเดิมที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2559 เป็นต้นไป โดยจะปรับลดการคุ้มครองลงเป็นขั้นบันได คือ ปรับลดจากปัจจุบัน 25 ล้านบาท/ธนาคาร/ลูกค้า 1 คน เป็นในปี 2559-2561 จะคุ้มครอง 15 ล้านบาท/ธนาคาร/ลูกค้า 1 คน หลังจากนั้นจะคุ้มครอง 10 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี คุ้มครอง 5 ล้านบาท 1 ปี และคุ้มครอง 1 ล้านบาท/คน/ธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 2563 เป็นต้นไป

"การเลื่อนระยะเวลาการคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท ออกไปอีก 4 ปี ไม่มีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจหรือสถาบันการเงิน แต่เนื่องจากผู้มีเงินฝากบางส่วนมีความกังวลว่า หากทำตาม กรอบเวลาเดิม เป็นการปรับลดวงเงินคุ้มครองที่รวดเร็วเกินไป ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกเกินไปจึงเสนอ ครม.ว่าให้มีการปรับลดเป็นขั้นบันได ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งประชาชนและระบบธนาคาร" นายอภิศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้แก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดยปรับแก้การรับสิทธิการจ่ายเงินคืนประชาชน หากธนาคารพาณิชย์ต้องปิดตัวลง ซึ่งเดิมการที่ผู้ฝากจะขอเงินคืนจะมีขั้นตอนและการพิจารณาเป็นเวลานาน ได้แก้ไขให้ไม่ต้องยื่นคำขอ และสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) จะจ่ายเงินคืนภายใน 7 วัน รวมทั้งเพิ่มอำนาจสถาบันคุ้มครองเงินฝากให้หารายได้จากการกู้ยืมเงินได้ด้วย

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การขยายเวลาการคุ้มครองเงินฝากออกไป และจะทยอยลดวงเงินคุ้มครองแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจจะส่งผลดีต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบ เพราะสถาบันการเงินไม่ต้องกังวลที่จะแข่งขันกันนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อจูงใจผู้ฝากเงินรายใหญ่ ส่งผลให้สถาบันการเงินบริหารต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝากได้ดีขึ้น ช่วยให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงอยู่ในระดับต่ำได้ต่อเนื่อง สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม การขยายเวลาและทยอยลดวงเงินคุ้มครองดังกล่าว ไม่ได้มีเหตุผลเกี่ยวกับความมั่นคงของสถาบันการเงิน เพราะปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ไทยทุกแห่งมีฐานะเงินกองทุนที่เข้มแข็งและมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ในระดับสูง รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้เตรียมพร้อมรับการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท/บัญชี ตามกำหนดการเดิมไว้แล้ว โดย ธปท.ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของเงินฝากในระบบสถาบันการเงินไทยอย่างใกล้ชิด ไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติแต่อย่างใด

"การขยายเวลาคุ้มครองเงินฝากและจะทยอยลดวงเงินคุ้มครองแบบค่อยเป็นค่อยไป มีข้อดีสำหรับประชาชนผู้ฝากเงินที่จะได้มีเวลาปรับตัวและวางแผนทางการเงินเพิ่มขึ้น มีเวลามากขึ้นที่จะพิจารณาผลิตภัณฑ์การเงินที่จะมาทดแทนเงินฝากที่เหมาะสมกับตน" นายวิรไท กล่าว

นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้อำนวยการ สคฝ. กล่าวว่า การเลื่อนระยะเวลาการลดคุ้มครองเงินฝากออกไป อาจทำให้ผู้ฝากเงินที่มีวงเงินสูงๆ คลายความกังวลในเรื่องการบริหารเงินฝากลงได้ด้วย และมีเวลาปรับตัวในการบริหารเงินฝากมากขึ้น ส่วนระบบสถาบันการเงินก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันทำให้สินเชื่อขยับได้น้อย แบงก์จึงไม่ได้แข่งขันกันเพื่อแย่งเงินฝาก