posttoday

คลังกรุยทางธปท.คุมแบงก์รัฐ

25 พฤศจิกายน 2558

คลังชงแก้มาตรา 120 กฎหมายสถาบันการเงิน เปิดทางให้ ธปท.คุมแบงก์รัฐเต็มตัว

คลังชงแก้มาตรา 120 กฎหมายสถาบันการเงิน เปิดทางให้ ธปท.คุมแบงก์รัฐเต็มตัว

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้เสนอการแก้ไข พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินมาตรา 120 เพื่อให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าไปกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐได้เต็มที่ เหมือนการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ ให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เห็นชอบแล้ว

ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้โอนการกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจไปให้ ธปท.กำกับดูแลตามมติของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือซูเปอร์บอร์ด แต่ยังมีปัญหา ธปท.ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะติดปัญหากฎหมายจัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจในแต่ละแห่ง เช่น การเปลี่ยนตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหาร ให้เป็นอำนาจของ รมว.คลัง หรือให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ แต่หลังการแก้ไขกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงินจะให้เป็นอำนาจของ ธปท.ทั้งหมด

"การแก้กฎหมายมาตรา 120 จะให้อำนาจ ธปท.เต็มที่ทำได้ทุกอย่าง โดยเขียนไว้ชัดเจน หากกฎหมายจัดตั้งขัดกับกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงินก็ให้ ธปท.มีอำนาจตามกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงิน จะทำให้ ธปท.เข้าไปดูการแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการและผู้บริหารของสถาบันการเงินทั้งหมด" นายกฤษฎา กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่จะได้รับกระทบมากที่สุด คือ ธนาคารออมสิน เนื่องจากมีปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะหนี้เสียจากครูวงเงิน 2,000 ล้านบาท และมีหนี้ที่จะตกชั้นเป็นหนี้เสียในปีนี้อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท และหากการแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จ ปีหน้าหนี้เสียกลุ่มครูจะเพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เป็นอีก 2 แห่ง ที่จะถูก ธปท.กำกับดูแลเข้มข้น เนื่องจากมีหนี้เสียรวมกันถึง 8-9 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะการแต่งตั้งกรรมการและผู้บริหารเข้าไปดูแลจะถูกตรวจสอบจาก ธปท.อย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เข้าไปสร้างความเสียหายให้กับธนาคาร