กฎหมายทวงหนี้พ่นพิษค้างจ่าย3เดือนฟ้องศาล

บริษัทตามหนี้แห่ฟ้องลูกหนี้ล้นศาล 7 เดือน ปีนี้คดีผู้บริโภคทะลัก 1.52 แสนคดี

รายงานข่าวจากข้อมูลสถิติสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุว่า ในช่วง 7 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค. 2558) มีคดีผู้บริโภคฟ้องร้องศาลชั้นต้นทั่วราชอาณาจักร รวมประมาณ 346,884 คดี แบ่งเป็นคดีสินเชื่อบุคคล/กู้ยืมเงิน/ค้ำประกัน 152,830 ข้อหา กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 92,736 ข้อหา บัตรเครดิต 56,326 ข้อหา เช่าซื้อรถยนต์ 40,226 ข้อหา เช่าซื้อจักรยานยนต์ 4,766 ข้อหา

นายประชา ชัยสุวรรณ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เชฎฐ์ คอลเลคชั่น แมนเนจเมนท์ ในฐานะประธานชมรมผู้ติดตามหนี้ที่เป็นธรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีการส่งฟ้องดำเนินคดีกับลูกหนี้ที่ไม่ชำระหนี้เพิ่มขึ้นจาก เดือนละประมาณ 700-800 คดี เป็น 2,000 คดี หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว โดยมีนโยบายหากติดตามทวงถามหนี้กับลูกหนี้ไม่ได้ภายใน 3 เดือนก็จะส่งฟ้องดำเนินคดี จากเดิมจะใช้เวลาเจรจาให้ลูกหนี้มาชำระหนี้ประมาณ 1-1.5 ปี ถ้าลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ถึงจะดำเนินการฟ้องร้อง ซึ่งสาเหตุสำคัญที่จะต้องมีการฟ้องร้องคดีกับลูกหนี้เร็วขึ้น เนื่องจากเจ้าหนี้ต้องการที่จะเลี่ยงการมีปัญหาการติดตามหนี้ตาม พ.ร.บ.ทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. 2558

นายประชา คาดว่า บริษัทติดตามหนี้รายอื่นก็ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีกับลูกหนี้เร็วขึ้นเหมือนกัน รวมทั้งสถาบันการเงินก็จะมีการติดตามทวงถามหนี้ลูกค้าเร็วขึ้น ซึ่งหากภายใน 3 เดือนลูกหนี้ไม่ติดต่อมาเพื่อชำระหนี้ ก็อาจจะขายบัญชีลูกหนี้ให้กับบริษัทติดตามทวงหนี้ หรือว่าจ้างบริษัทติดตามทวงหนี้ตาม โดยมีนโยบายให้เร่งดำเนินการให้จบโดยเร็ว ถ้าลูกค้าไม่จ่ายหนี้ก็ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีเหมือนกัน

"คดีผู้บริโภคเกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต ล้นศาลทำให้ศาลจะต้องเปิดทำการวันเสาร์-อาทิตย์ และขยายเวลาถึง 18.00 น. ซึ่งการฟ้องร้องดำเนินคดีจะทำให้มีต้นทุนมากขึ้น โดยต้นทุนส่วนที่เพิ่มลูกหนี้จะต้องชำระหนี้เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นลูกหนี้ควรที่จะเจรจาชำระหนี้จะดีกว่า" นายประชา กล่าว

นอกจากนี้ พ.ร.บ.ทวงถามหนี้ยังส่งผลกระทบทำให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทั้งๆ ที่มีสภาพคล่องล้น