หม่อมอุ๋ยหวั่นการค้าโลกซึมยาว3ปี

“ปรีดิยาธร” ชี้การค้าโลกซึมยาว 2-3 ปี อัดฉีดงบกระตุ้นจะเสียเปล่า ขอเน้นช่วยกลุ่มอ่อนแอ

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แนวโน้มการค้าโลกจะยังซบเซาอีก 2-3 ปี ในระยะสั้นจึงไม่เหมาะที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบทั่วไป เพราะจะทำให้เสียงบประมาณเปล่า แต่รัฐบาลจะเน้นเข้าไปอุดในจุดที่อ่อนแอ ซึ่งขณะนี้คือกลุ่มเกษตรกร ทั้งชาวนา ชาวสวนยาง จะดูแลไม่ให้เป็นหนี้ รวมทั้งติดตามสถานการณ์ชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างใกล้ชิด หากพบจุดใดเสียหายจะมีมาตรการช่วยเหลือต่อไป

“มาตรการกระตุ้นในช่วงเศรษฐกิจโลกสโลว์ ใส่ไปเงินก็หาย ไปอุดจุดที่อ่อนดีกว่า ดูเป็นจุดๆ ไม่พร่ำเพรื่อ ไม่เช่นนั้นเงินละลายหมด”ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า หากทำให้คนไทยเกิดความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายจนขยายตัว 4-5% จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวทันที เพราะการบริโภคมีสัดส่วนถึง 56% ของจีดีพี ในขณะที่การท่องเที่ยวที่เติบโตสูงสุดมีสัดส่วนเพียง 10% ของจีดีพี และการเบิกจ่ายภาครัฐมีสัดส่วนเพียง 20% ของจีดีพีเท่านั้น

ทั้งนี้ การค้าโลกที่ซบเซาเป็นผลจากทั้งปัญหาเศรษฐกิจในประเทศขนาดใหญ่ ที่สำคัญคือ การลดลงของราคาน้ำมันจากการค้นพบเชลล์แก๊สที่มีปริมาณสำรองสูง กดดันราคาน้ำมันโลก และฉุดราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าเกษตรทั่วโลก จนกำลังซื้อของประเทศผู้ส่งออกลดลง รวมทั้งไทยยังถูกกระทบจากนโยบายค่าจ้าง 300 บาท จนสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

สำหรับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน และการเสียความสามารถการแข่งขัน ทำให้การส่งออกของไทยลดลงต่อเนื่อง จากที่เคยขยายตัว 10% กว่า เหลือ 2.9% ในปี 2555 และเริ่มติดลบ 0.26%, 0.01% และ 4.69% ในปี 2556, 2557 และไตรมาสแรกของปี 2558 ตามลำดับ       

“เมื่อราคาน้ำมันลดลงได้ดึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลง และมันดึงการค้าโลกทั้งหมดลดลง ตอนนี้เห็นแล้ว ทั้งมาเลย์ สิงคโปร์ ลงหมด จีนก็กำลังลงแรง”ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

เจเน็ต เยลเลน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแสดงความคาดหวังว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ภายหลังจากที่เศรษฐกิจภายในประเทศของสหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

“ฉันคิดว่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมสักช่วงเวลาในปีนี้ ที่จะดำเนินขั้นแรกในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเริ่มปรับนโยบายทางการเงินให้เข้าสู่ปกติ”เยลเลน กล่าว

คำกล่าวของเยลเลนครั้งนี้บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่ของเฟดคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้หลุดพ้นจากการชะลอตัวในช่วงต้นปีแล้ว และไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นในจีนและยูโรโซนมากนักว่าจะกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ

เยลเลน กล่าวอีกว่า การฟื้นตัวของสหรัฐยังไม่เต็มที่ ภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อยังมีความไม่แน่นอนสูง และความเคลื่อนไหวในอนาคตที่ไม่คาดถึงอาจจะเลื่อนเวลาการขึ้นดอกเบี้ยให้ช้าลงหรือเร็วขึ้นได้