posttoday

ทีวีดิจิทัลเสริมลุยออนไลน์ชี้โซเชียลไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

27 ตุลาคม 2559

จากแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่ดูทีวีน้อยลงโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลต้องออกมาเร่งปรับตัว เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

โดย...จะเรียม สำรวจ

จากแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่ดูทีวีน้อยลงโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลต้องออกมาเร่งปรับตัว เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว เห็นได้จากการทำเว็บไซต์ สื่อ โซเชียลมีเดียควบคู่ไปกับการออกอากาศของสื่อทีวี เพื่อให้คอนเทนต์เข้าถึง ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันของธุรกิจฟรีทีวีมีความรุนแรง เพราะมีคู่แข่งในธุรกิจเพิ่มขึ้น

ชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารสายงานดิจิทัลทีวี บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ผู้บริหารช่องเวิร์คพอยท์ กล่าวว่า ภาพรวมการดูทีวีของผู้บริโภคในตอนนี้น้อยลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก เนื่องจากปัจจุบันมีสื่อออนไลน์ทำให้ผู้บริโภคสามารถชมรายการต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลาตามความต้องการ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทต้องหันมาปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการนาสื่อโซเชียลมีเดียเข้ามาช่วยทำการตลาด

สำหรับสื่อโซเชียลมีเดียที่ใช้ทำการตลาดอยู่ในขณะนี้ จะมีทั้งในส่วนของยูทูบ เฟซบุ๊ก และไลน์ทีวี โดยในส่วนของยูทูบขณะนี้เริ่มสร้างรายได้เข้ามาในบริษัท เวิร์คพอยท์ฯ บ้างแล้ว โดยในปี 2558 ที่ผ่านมามีรายได้จากการนาคอนเทนต์ไปออกอากาศในยูทูบประมาณ 20 ล้านบาท และปี 2559 นี้คาดว่าจะมีรายได้จากยูทูบเพิ่มเป็น 50 ล้านบาท ส่วนไลน์ทีวีและเฟซบุ๊กยังเป็นสื่อโซเชียลมีเดียที่สร้างรายได้ยังไม่เยอะมาก

สมชาย รังษีธนานนท์ ประธานกรรมการบริษัท ไบรท์ ทีวี ผู้บริหารช่องไบร์ททีวี กล่าวว่า ภาพรวมของทีวีดิจิทัลตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เนื่องจากวันนี้ผู้บริโภคดูทีวีผ่านมือถือและแท็บเล็ต มากกว่าการดูทีวีผ่านหน้าจอทีวี ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ช่วงเวลาไพรม์ไทม์เริ่มไม่เป็นเวลา ไพรม์ไทม์อีกต่อไป เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถดูทีวีได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเวลาดูทีวีได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรีบกลับบ้าน เพื่อไปดูรายการที่ชื่นชอบเหมือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หากย้อนเวลากลับไปก่อนช่วงที่จะมีทีวีดิจิทัล เมื่อมีละครดังหรือรายการกีฬาดังแข่งขันอย่างโอลิมปิก ถนนภายในกรุงเทพฯ จะโล่ง เพราะทุกคนต้องรีบกลับไปดูรายการทีวีตัวเองชื่นชอบ แต่ปัจจุบันไม่ต้องรีบกลับบ้านแล้ว เพราะสามารถดูรายการที่ชื่นชอบแบบถ่ายทอดสดเหมือนหน้าจอทีวีผ่านมือถือได้ ซึ่งจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปดังกล่าว ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้มือถือของผู้บริโภคที่ปัจจุบันมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน

สมชาย กล่าวต่อว่า ปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป คือ โลกอินเทอร์เน็ตมันมาแรงและสามารถครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าทีวีดิจิทัล ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้บริษัทต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเช่นกัน ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้ชมผ่าน ช่องทางยูทูบมีมากกว่าการชมผ่านหน้าจอทีวี

อย่างไรก็ดี แม้ว่าสื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของ ผู้บริโภค ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลต้องปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลง แต่สื่อที่มีบทบาทกับผู้บริโภคและอุตสาหกรรมโฆษณาอย่างแท้จริง ยังคงเป็นสื่อทีวี เพราะทีวีก็ยังคงเป็นสื่อหลักที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้รวดเร็วครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้เจ้าของสินค้ายังคงเลือกใช้งบที่สูงซื้อสื่อ โฆษณาทีวี และเพื่อให้ทีวียังคงเป็นหลักต่อไป ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลควรปรับคอนเทนต์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค