5 เคล็ดลับเพิ่มยอดขายออนไลน์
จะชนะในโลกของออนไลน์ช็อปปิ้งได้ ต้องหันมาใส่ใจอินไซด์การจับจ่ายของนักช็อปอย่างแท้จริง
โดย...รัฐกร โพธาราม ผู้จัดการทั่วไปและกรรมการผู้จัดการฝ่ายสร้างสรรค์ MRM//McCANN
ที่ผ่านมา เราได้เห็นการเติบโตของกระแสช็อปปิ้งออนไลน์กันอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ในประเทศไทยเองผู้บริโภคก็หันมาจับจ่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการช็อปปิ้งผ่านร้านค้าที่ก่อตัวจากออนไลน์ตั้งแต่แรกเริ่ม หรือผ่านร้านค้ารีเทลชั้นนำที่มาบุกตลาดออนไลน์ ไปจนกระทั่งผ่านธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ที่ยังไม่มีแม้กระทั่งหน้าร้านจริง
แนวโน้มที่เกิดขึ้นทำให้หลายๆ คนเริ่มคาดการณ์ว่าการช็อปปิ้งออนไลน์จะมาแทนที่การช็อปปิ้งที่ร้านค้าจริงในเร็ววันนี้ และถึงแม้วันนั้นจะยังไม่มาถึง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าออนไลน์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อที่ร้านค้าจริงอย่างเต็มๆ
ในช่วงส่งท้ายปีเก่านี้ ตลาดอี-คอมเมิร์ซช็อปปิ้งออนไลน์นั้นคงจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง จึงเป็นที่น่าสนใจว่าทำการตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายท้ายปีนั้นเราจะทำอะไรกันได้บ้าง
1.เข้าถึงครอบคลุมครบทุกช่องทางออนไลน์
ในหลายปีที่ผ่านมาด้วยการเติบโตของสื่อดิจิทัลและโซเชียล ทำให้การทำการตลาดแบบครบวงจรทุกช่องทางถือเป็นสิ่งที่นักการตลาดต่างมุ่งเน้น ซึ่งช็อปปิ้งออนไลน์ก็เช่นกัน ร้านค้าต่างต้องมีโซเชียลมีเดีย ทั้ง Website Facebook LINE Instagram ที่สานต่อด้านให้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลสินค้า วิธีการสั่งซื้อ ไปจนถึงบริการหลังการขาย ให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ไม่ว่าจะอยู่ที่แพลตฟอร์มใดเวลาไหน เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์การซื้อแบบตัวต่อตัวที่ผสมผสานตามสื่อที่ผู้บริโภคสะดวกที่สุดและไร้ขีดจำกัดด้านเวลา
2.จับจ่ายไร้รอยต่อด้วยสมาร์ทโฟน
ด้วยความทุกที่ทุกเวลาของสมาร์ทโฟน ออนไลน์ช็อปปิ้งจึงถูกพัฒนาไปพร้อมๆ กันกับเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจับจ่ายผ่านสมาร์ทโฟน การเก็บข้อมูลการสะสมแต้ม Loyalty Card การออกโปรโมชั่นแบบตัวต่อตัวตามเวลาและสถานที่จริงที่ผู้บริโภคอยู่ โดยเทคโนโลยีการจับจ่ายรูปแบบดิจิทัล หรือที่มักเรียกกันว่า Digital Wallets ที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้น Apple’s Passbook และ Google Wallet ที่ต่างสร้างสรรค์ให้รอยต่อการช็อปปิ้งบนโลกจริงและโลกออนไลน์แทบไม่ต่างกัน
3.เหนือกว่าด้วยการรู้จักผู้ซื้ออย่างชาญฉลาด
ความท้าทายของการตลาดช็อปปิ้งออนไลน์นั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของการทำความรู้จักลูกค้าของคุณให้ได้อย่างลึกซึ้งที่สุด และสานต่อให้ประสบการณ์การซื้อเป็นเหมือนเพื่อนที่รู้ใจ โดยไม่ทำให้รู้สึกเสมือนถูกติดตามให้รำคาญใจ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของการปรับปรุงระบบข้อมูลและการปฏิวัติ Customer Experience ให้การทำโปรโมชั่นทุกชนิดโดนใจยิ่งกว่าเคย
4.ให้ช็อปปิ้งออนไลน์เป็นเรื่องเรียบง่าย
กลับไปที่จุดเริ่มต้นง่ายๆ ที่หลายๆ คนมักลืมนึกถึง นั่นคือ ความเรียบง่ายในการใช้งานและสั่งซื้อ หลายๆ ครั้งเรามักชื่นชอบความหวือหวาของการดีไซน์โดยลืมไปว่า สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดของการออกแบบประสบการณ์ออนไลน์ช็อปปิ้งคือความง่ายและชัดเจนในวิธีการใช้งานว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง โหลดรวดเร็ว ให้การจับจ่ายเกิดขึ้นได้เพียงปลายคลิก ไม่ต้องผ่านหลายหน้าให้วุ่นวายและเปลี่ยนใจไม่ซื้อในที่สุด เช่น ปุ่มซื้อที่ชัดเจน ข้ามขั้นตอนการสมัคร จ่ายเงินได้ง่ายในหน้าเดียว กรอกข้อมูลการส่งสินค้าที่เป็นไปอย่างง่ายดาย ให้การซื้อของไม่มีสะดุดด้วย User Interface (UI) และ User Experience (UX) ที่ดี
5.ถึงมือเลยในวันเดียว
ในยุคที่การแข่งขันบนโลกออนไลน์ไม่มีที่สิ้นสุด การตอบโจทย์สิ่งที่ผู้บริโภคมองหาด้วยการส่งภายในวันเดียวนั้น ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของการบริการออนไลน์ช็อปปิ้ง ที่ผู้บริโภคมักมีการตัดสินใจแบบเร่งด่วน ด้วยความจำกัดด้านเวลาทำให้ไม่มีเวลาไปซื้อที่หน้าร้านด้วยตัวเอง ทั้งยังอยากได้สินค้ามาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว โดยที่ถ้าร้านค้าไม่สามารถผูกมัดการส่งที่ระบุวันได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว ก็สามารถเป็นสาเหตุให้ปิดการขายไม่ได้เช่นกัน
จะชนะในโลกของออนไลน์ช็อปปิ้งได้ คงต้องหันมาใส่ใจอินไซด์การจับจ่ายของนักช็อปอย่างแท้จริง พร้อมพัฒนาไปพร้อมกับเทคโนโลยีทั้งการออกแบบ การจ่ายเงิน และการบริการ เพื่อให้ทุกจุดประสบการณ์การช็อปสร้างความเหนือกว่าให้กับหน้าร้านออนไลน์ของคุณ


