posttoday

‘พระพุทธเจ้ากำพร้าแม่ ก็รักแม่ยิ่งสิ่งใด’

13 สิงหาคม 2560

ตอนเรียนเรื่องดวงดาว ในคัมภีร์บันทึกว่า ผู้ที่มีดาวราหูเป็นเกณฑ์ มักจะเกิดมาแล้วพ่อหรือแม่นั้นต้องจากเราไป ไม่จากเป็นก็จากตาย

โดย...ราช รามัญ

ตอนเรียนเรื่องดวงดาว ในคัมภีร์บันทึกว่า ผู้ที่มีดาวราหูเป็นเกณฑ์ มักจะเกิดมาแล้วพ่อหรือแม่นั้นต้องจากเราไป ไม่จากเป็นก็จากตาย

ตอนเกิดนั้นบางคนลำบากบางคนสบาย แต่ตอนปลายจะไม่เหมือนเก่า เป็นคนที่มีแนวคิดไม่เหมือนคนอื่นๆ แต่งกายก็ไม่เหมือนคนอื่น เกิดที่หนึ่งไปได้ดีมีชื่อเสียงอีกที่หนึ่ง ผู้คนจะยกย่องนับถือ แอบคิดในใจ...ทำไมละม้ายคล้ายชีวิตเจ้าชายสิทธัตถะนัก ที่เกิดมาได้เพียง 7 วัน มารดาก็สิ้นสวรรคต

พระนางสุชาปดี ผู้มีศักดิ์เป็นน้าน้องของแม่แท้ๆ ได้ดูแลเจ้าชายสิทธัตถะอย่างดี นอกจากให้น้ำนมของพระนางเองแล้ว แม้แต่ข้าวจะกล้ำน้ำจะกลืน จะหัดยืนหรือเดิน ก็ดูแลอย่างใกล้ชิด แม่แท้ๆ ให้ร่างกายจิตวิญญาณ แต่พระนางสุชาปดีได้ให้การเลี้ยงดู

การตอบแทนพระคุณของเจ้าชายสิทธัตถะในวันที่พระองค์สำเร็จแล้ว ในพรรษาที่ 7 ตามบาลีคัมภีร์ว่า เสด็จไปโปรดพระมารดาที่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ที่มาที่ไปในเรื่องนี้มีความตามบาลีว่าดังนี้...ในครั้งนั้นเหล่ามหาชนต่างพากันโศกเศร้าคร่ำครวญปรึกษากันว่า เมื่อแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้วพระบรมศาสดาได้เสด็จหายไปฉะนี้ เปรียบเสมือนดวงเดือนหรือดวงตะวันตกหายไปจากโลก ต่างประสงค์จะทราบว่า เวลานี้พระบรมศาสดาเสด็จไปประทับ ณ ที่แห่งใด จึงพร้อมใจกันเข้าไปถามพระโมคคัลลานะเถระ พระอัครเสนาบดี แม้จะทราบดีแต่เพื่อถวายความเคารพแก่พระอนุรุทธเถระ จึงบอกให้มหาชนไปสอบถามพระเถระ พระอนุรุทธได้บอกแก่มหาชนว่า บัดนี้พระบรมศาสดาได้เสด็จขึ้นไปแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระพุทธมารดาและจำพรรษา ณ ดาวดึงส์พิภพเป็นเวลา 3 เดือน แล้วจะเสด็จพระราชดำเนินกลับสู่โลกในวันมหาปวารณาออกพรรษา

เหล่ามหาชนเมื่อทราบดังนั้นต่างบังเกิดศรัทธาอยู่เฝ้ารอรับเสด็จพระบรมศาสดา ณ ที่แห่งนั้น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้สละกำลังทรัพย์สร้างที่พักและอาหารอนุเคราะห์แก่มหาชนทั้งหลาย แม้พระโมคคัลลานะเถระก็ได้แสดงธรรมโปรด

ฝ่ายท้าวสักกเทวราช เมื่อทราบว่า พระบรมศาสดาเสด็จขึ้นมาประทับ ณ พระแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ มีความรู้สึกปีติยินดี รีบป่าวประกาศแก่เหล่าเทพยดาทั้งหลายให้มาเฝ้าพระผู้มีพระภาคเพื่อฟังธรรม

ครั้นพระพุทธองค์มิได้ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธมารดาจึงตรัสถามถึง ท้าวสักกเทวราชได้เสด็จไปยังสวรรค์ชั้นดุสิตเพื่อทูลเชิญเทพธิดาเจ้าสิริมหามายาพระพุทธมารดาเพื่อให้มาฟังธรรม พระบรมศาสดาได้ยกพระหัตถ์เบื้องขวาออกจากจีวรกวัก เรียกว่า “เอหิ อมฺม” ขอพระพุทธมารดาเสด็จเข้ามาประทับใกล้ๆ เถิด ตถาคตผู้เป็นปิโยรส ซึ่งพระแม่ได้อุ้มท้องประคับประคองเลี้ยงดูด้วยน้ำนม และป้อนข้าวแต่อเนกชาติ ตถาคตขอโอกาสโปรดสนองพระคุณสูงค่าอันหาประมาณมิได้ ด้วยพระธรรมเทศนา ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เสด็จขึ้นมาจำพรรษา ณ ดาวดึงส์พิภพ เพื่อให้พระพุทธมารดาได้บรรลุอริยมรรคอริยผลสมดังที่ทรงพระอุตสาหะเสด็จมา

พระพุทธองค์ได้ทรงโปรดแสดงพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ สนองคุณมารดา ทำให้พระพุทธมารดาได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลชั้นอนาคามี และจะได้เลื่อนระดับชั้นไปสู่พระนิพพานในที่สุด

นี่เป็นการตอบแทนพระคุณของแม่ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงพึงปฏิบัติ ส่วนพระนางสุชาปดีพระน้านางพระองค์ก็ทรงอนุญาตให้ออกบรรพชาอุปสมบทเป็นภิกษุณี จนกระทั่งสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ทรงตอบแทนพระคุณด้วยธรรมเหมือนกัน

นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว พระอัครสาวกผู้มีปัญญามากอย่างพระสารีบุตร ทั้งที่ท่านเองก็อาพาธ ก็ยังเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า ด้วยการไปโปรดมารดาของท่านที่นับถือศาสนาอื่น ด้วยการเดินทางไปที่นาลันทาบ้านเกิดของท่าน แล้วเข้าไปนอนพักในห้องที่ท่านถือกำเนิด เหล่าเทวดาระดับมเหสักข์ สักกเทวราช ก็มาด้วย แม่เห็นแสงสีทองวูบหายเข้ามาในห้องแล้วก็วูบหายออกจากห้อง หลายครั้งจึงได้ย่องมาแอบดู เห็นเทวดามานั่งพนมมือสักการะพระลูกชายก็ตกใจปนตื่นเต้น คิดในใจลูกเราสำคัญอย่างไรหนอ จึงได้มีเทวดาลงมาสักการะ

ครั้นเมื่อได้โอกาสจึงได้เข้าไปแล้วถาม ได้ความตามกระบวนจบ จึงตกลงปลงใจฟังธรรมจากพระลูกชาย แล้วในที่สุดก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นลำดับ ภารกิจในการโปรดแม่ให้ถึงธรรมก็เป็นอันเสร็จสิ้น ท่านก็ละสังขารขันธ์ดับสนิทนิพพานไป

ดังนั้น การตอบแทนพระคุณแม่ หาใช่เพียงแค่ซื้อของพาไปเที่ยวหรือซื้อเสื้อผ้าให้เท่านั้น การทำให้พ่อแม่เข้าถึงพระพุทธศาสนาก็เป็นการตอบแทนคุณอันยิ่งเช่นกัน

วันแม่ปีนี้นอกจากพาแม่ไปกินไปเที่ยวแล้วพาแม่เข้าวัดสวดมนต์ฟังธรรมด้วย ก็จะถือได้ว่าเจริญรอยตามพระพุทธองค์ในการตอบแทนพระคุณของแม่ที่ประเสริฐที่สุด

(ฝากข่าวอบรมเรื่อง โค้ชตัวเองด้วยดวงดาว ในวันอาทิตย์ 27 ส.ค.นี้ ท่านสนใจเข้าร่วมอบรมติดต่อได้ที่ 08-1445-9642 หรือ id line : Nop12111 (มีค่าลงทะเบียน) ราช รามัญ เป็นวิทยากร)