posttoday

อิทัปปัจจยตาในการเผยแผ่พุทธศาสนา

09 กรกฎาคม 2560

ปัญหาพระพุทธศาสนาในพรรษานี้มีให้ขบคิดมากมาย ถ้าแก้ไม่ได้ ตอบสังคมไม่ชัด การเผยแผ่หลักธรรม

โดย...ส.คนจริง

ปัญหาพระพุทธศาสนาในพรรษานี้มีให้ขบคิดมากมาย ถ้าแก้ไม่ได้ ตอบสังคมไม่ชัด การเผยแผ่หลักธรรมที่หลายวงการกำหนดยุทธศาสตร์ขึ้นมา จะบรรลุผลได้ยากเต็มที นึกถึงอิทัปปัจจยตา ไว้ก็แล้วกัน

ดังนั้น เมื่อมีการประชุมนักวางแผนในการเผยแผ่ หรือเรียกให้โก้ว่ายุทธศาสตร์การเผยแผ่ นักวิชาการจึงพูดอ้อมๆ แบบเกรงใจพระคุณเจ้าว่าต้องแก้ที่ตัวเองก่อน อย่างเช่น ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ได้รับเชิญให้มาพูดในวงเสวนาเรื่องการขับเคลื่อนพลังบวร สู่การเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน ในงานประชุมสมัชชาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดี เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2560 ได้ยกตัวอย่างตนเองที่เป็นครูสอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยว่า เมื่อได้เห็นลูกศิษย์มีความเจริญก้าวหน้า ตนก็ดีใจ แต่การจะให้ศิษย์เจริญก้าวหน้าตามเป้าหมายได้ ตนในฐานะครูก็ต้องศึกษา ทำตัวให้มีความรู้  พระสงฆ์ก็เช่นเดียวกัน เมื่อจะเป็นผู้สอนจะต้องมีความรู้มากกว่าชาวบ้าน

ตนเป็นครูสอนกฎหมาย ต้องปฏิบัติตนตามที่สอนด้วย เช่น ความยุติธรรมนั้นต้องยึดเป็นหลัก ผู้ที่เผยแผ่พระธรรมคำสอนก็เช่นเดียวกัน ต้องปฏิบัติตนตามคำสอนที่สอนคนอื่นด้วย

ศ.ธงทอง ว่า ผมสอนกฎหมาย มีฐานะเป็นศาสตราจารย์พิเศษทางกฎหมาย ถ้าดื่มเหล้าเมาแอ๋ แค่หนเดียวก็หมดศักดิ์ศรีแล้ว

ส่วนพระเมธาวินัยรส รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ก็พูดถึงความหมายการเผยแผ่แบบยั่งยืนว่ามีความหมายอย่างไร และได้เล่าถึงฝ่ายอาณาจักรที่อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาในอดีตนั้นทำเป็นแบบอย่างไว้อย่างไร

พร้อมทั้งบอกว่าพระสงฆ์ต้องอยู่ในวินัยสงฆ์ ส่วนราชการต้องส่งเสริมพระพุทธศาสนา เช่นที่ราชการทำในอดีต เมื่อฝ่ายราชการมาหาพระสงฆ์ มาด้วยความเคารพ งดงาม มิใช่นำคดีความมาให้พระสงฆ์

ในขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกกฎหมายมารองรับให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ดังเช่นบุรพมหากษัตริย์เคยมีพระราชดำรัสมาแล้ว

กฎหมายอีกฉบับที่ต้องการคือ พระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา ท่านบอกว่ามีธนาคารแบบนี้เมื่อไร ชาวพุทธทั่วไปมีโอกาสส่งเสริมพระพุทธศาสนาเท่าเทียมกัน โดยไม่ต้องบริจาคมาก เพียงโอนเงินเข้าธนาคารคนละ 5 บาทเท่านั้น ชาวพุทธเกือบ 70 ล้านคน เป็นเงินเท่าไรแล้ว

เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมในช่วงบ่ายที่ประชุม ได้ประกาศมติสมัชชาเผยแผ่พระพุทธศาสนา 6 ข้อ เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป

1.ให้รัฐบาลส่งเสริมให้เกิดและรวบรวมทำเนียบเครือข่ายจิตอาสาด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมถึงจัดทำแนวทางการพัฒนาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับพระไตรปิฎก 

2.ให้รัฐบาล หน่วยงาน เครือข่ายในพื้นที่ร่วมกันค้นหายกย่องบุคคลต้นแบบด้านการเผยแผ่ ชุมชนต้นแบบวิถีพุทธ เช่น หมู่บ้านรักษาศีล 5 และให้สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

3.ให้รัฐบาลและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมการผลิตสื่อเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และให้จัดงบประมาณสนับสนุนด้วย และที่สำคัญให้มีกลไกในการตรวจสอบและเฝ้าระวัง และตอบโต้การเผยแผ่เชิงลบ และควรพิจารณาจัดตั้งโทรทัศน์และสถานีวิทยุเพื่อการเผยแผ่ด้วย

4.ให้สถาบันการศึกษาทุกแห่งส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการวิจัยเพื่อพัฒนาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง

5.ให้รัฐบาลมอบหมายให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ดำเนินการสนับสนุนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ พระ เด็ก เยาวชน หน่วยงาน และองค์กรอื่นๆ ให้ทำแบบมีเอกภาพทุกระดับ

6.ผลักดันให้ศาสนาพุทธ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยนับถือ เป็นศาสนาประจำชาติและประจำชีวิต รวมทั้งผลักดันให้เกิดธนาคารกองทุนเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการที่ มมร. และองค์กรภาคีเครือข่าย จัดประชุมสมัชชาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ขึ้น ภายใต้โครงการประเพณีวันสำคัญของชาติและศาสนา วันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2560 เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยอย่างเข้มแข็งมั่นคง และเสริมศักยภาพให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาโลก ณ ห้องคอนเวนชั่น โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ได้แก่ ผู้แทนจาก มมร. มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กระทรวงศึกษาธิการ ภาคีองค์กรชาวพุทธ แม่กองบาลี แม่กองธรรมสนามหลวง พระสงฆ์ทั้งเถรวาท-มหายาน พุทธศาสนิกชน สื่อมวลชนและอื่นๆ เข้าร่วมกว่า 800 รูป/คน

สำหรับผลการประชุมสมัชชาการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ครั้งที่ 2 ผู้สนใจสามารถสืบค้นได้ที่ www.mbu.ac.th หรือสอบถามได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์การจัดงาน โทร.02-618-7781-4

ส่วนการจะแก้วิกฤตที่ถาโถมเข้ามาทั้งด้านความมั่นคงและวิกฤตในองค์กรที่รับสนองงานพระสงฆ์ที่เป็นข่าวทุกวันได้หรือไม่ ขอให้สาธุชนติดตาม ทุกอย่างเป็นอิทัปปัจจยตา