posttoday

ว่าด้วยเรื่องมงคล

25 มิถุนายน 2560

มีผู้อ่านอยากให้เขียนมงคล 38 ประการ บอกเป็นเรื่องไม่เคยล้าสมัย เป็นประโยชน์กับทุกเพศทุกวัย ผู้ใหญ่อ่านจะได้ทำตัวเป็นมงคล

โดย...อารยชล

มีผู้อ่านอยากให้เขียนมงคล 38 ประการ บอกเป็นเรื่องไม่เคยล้าสมัย เป็นประโยชน์กับทุกเพศทุกวัย ผู้ใหญ่อ่านจะได้ทำตัวเป็นมงคลและเอาไปสอนเด็กๆ ตามโอกาส ส่วนเด็กๆ ก็จะได้ทำตัวเป็นมงคลเช่นกัน และเวลาทำอะไรจะได้ไม่ต้องถูกผู้ใหญ่ดุหรือตำหนิเอาได้ว่าช่างทำอะไรไม่เป็นมงคลเสียเลย

ผู้อ่านท่านนี้ใจตรงกัน เดิมผมตั้งใจจะเขียนอยู่แล้วพอผู้อ่านสะท้อนความต้องการออกมาเลยเป็นเวลาเหมาะสมได้โอกาสปักหมุดเรื่องนี้ และก็คงจะอยู่กับเรื่องมงคลไปอีกนาน 

เรื่องมงคล 38 เกี่ยวกับคนล้วนๆ กล่าวคือคนจะเจริญดีก็อยู่ที่มีมงคลเหล่านี้ กลับกันถ้าไม่มีเลยชีวิตของคนคนนั้นเป็นอันหวังความเสื่อมได้ ดังนั้นมงคล 38 ผมยกเป็น “ยาพิเศษขนานเอก” ที่มิใช่แค่ “ควรมีติดตัว” แต่ต้อง “ให้มีอยู่ในตัว” เพราะใครจะลักไปไม่ได้ ถ้าติดตัวอาจมีหล่นหายหรือถูกคนลัก อันนี้ผมแค่เปรียบเทียบให้เห็น  

ต้องบอกก่อนว่าเรื่องมงคลนี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ที่มาของเรื่องใหญ่มาก เกิดขึ้นเพราะมีคนถามเพื่อต้องการรู้ว่า มงคล คืออะไร หรืออะไรหนอเป็นมงคล 

จุดเริ่มต้น ก็คือ มีประชาชนในชมพูทวีปมารวมกลุ่มกันตามที่ต่างๆ เช่น ประตูเมือง ศาลาว่าราชการ ที่ประชุม เป็นต้น แล้วจ้างผู้รู้เรื่องต่างๆ ในคัมภีร์มาเล่าให้ฟัง เช่น เรื่องนำนางสีดามา เป็นต้น (เรื่องนี้มีในรามายณะ คัมภีร์ปุราณะในศาสนาพราหมณ์) แล้ววันหนึ่งเรื่องมงคลก็ได้เกิดขึ้นในที่ประชุมนั้น

ชายคนหนึ่งบอกว่า อะไรก็ตามที่เห็นด้วยตาเป็นมงคล อีกคนบอกสิ่งที่ได้ยินด้วยหูต่างหาก คนที่สามต้องสัมผัสได้ด้วยดมกลิ่น ลิ้มรส สัมผัสจับต้อง (โผฏฐัพพะ) เท่านั้นเป็นมงคล เช่น ดมกลิ่นดอกไม้ เป็นต้น คนฟังแตกเป็นสามพวก แล้วเรื่องมงคลนี้แพร่สะพัดไปถึงเทวดาถึงพรหมชั้นอกนิฏฐพรหม

การพูดเรื่องมงคลก็เกิดขึ้นในที่ทุกสถานจนกระทั่งหมื่นจักรวาล ในตำรามงคลสูตรว่าอย่างงั้น และเรื่องมงคลนี้ถูกพูดกันนานถึง 12 ปีจึงแก้ได้ คนที่แก้ความสงสัยของผู้คนได้ ก็คือ พระพุทธเจ้า

คนที่นำปัญหาไปถาม คือ เทวดา ขณะพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่วัดเชตวัน แล้วพระองค์ก็ได้ตรัสมงคล 38 ประการ ว่า อะเสวะนา จะ พาลานัง  ปัณฑิตานัง จะ เสวะนา ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯลฯ (การไม่คบคนพาล คบบัณฑิต บูชาคนที่ควรบูชา เป็นมงคลสูงสุดเป็นต้น)

สำหรับ มงคล มีหลายความหมาย ในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน แปลว่า เหตุให้ถึงซึ่งความเจริญ แต่ พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดกญาณสิทฺธิ ป.ธ.9) วัดมหาธาตุ (ท่าพระจันทร์) แปลไว้ครบถ้วน

1.ท่านแปลว่า ถึงพร้อมด้วยลักษณะแห่งบุญ ลักษณะแห่งบุญที่ว่าคือสิริ (ศรี-ความเจริญด้วยสมบัติต่างๆ) บุญ (ผู้ที่ดำเนินชีวิตไปในทางที่เป็นประโยชน์แก่ตนและคนอื่น หลีกเว้นอกุศล) และปัญญา

2.เครื่องถึงความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย ก็คือ มีศีล สมาธิ ปัญญา ความบริสุทธิ์ หมายถึงความบริสุทธิ์ทางกาย วาจาและทางใจ)

3.ตัดผู้ยังสัตว์ให้ตาย ตัดผู้ยังสัตว์ให้ไปอบาย (อบายคือเสื่อม ไม่เจริญ ทุกข์) ถ้ามีมงคลก็จะไม่ไปอบาย

4.ประกอบด้วยการเข้าถึงความงาม (งามด้วยประโยชน์ในโลกนี้และด้วยศีล งามด้วยประโยชน์ในโลกหน้าและด้วยสมาธิ งามด้วยประโยชน์อย่างยิ่งและงามด้วยปัญญา)

สรุป คนที่สร้างมงคลให้เกิดขึ้นในตัวเองย่อมมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ไม่มีเสื่อมแน่นอน