posttoday

หมดสิ้นเพราะโลภ

21 พฤษภาคม 2560

การแต่งงานของสังคมอินเดียเป็นที่ทราบกันว่า “ผู้หญิง” จะต้องไปสู่ขอ “ผู้ชาย” ตามประเพณี

โดย...อารยชล

การแต่งงานของสังคมอินเดียเป็นที่ทราบกันว่า “ผู้หญิง” จะต้องไปสู่ขอ “ผู้ชาย” ตามประเพณี แม้ทางการจะออกกฎหมายห้ามการให้และรับสินสอดตั้งแต่ปี 2504 แล้วก็ตาม แต่ประเพณีที่ทำกันมาแต่โบราณนับหลายศตวรรษก็ยังคงอยู่แพร่หลายในสังคมอินเดียโดยเฉพาะสังคมชนบท

ในการเรียกสินสอดของคนอินเดียจะมากจะน้อยก็คล้ายไทยเรานั่นแหละ ก็จะพิจารณาองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ถ้าฐานะตัวเอง (ผู้หญิง) ดีมั่นคงก็ต้องเรียกสินสอดค่าดองสูง ลูกสาวมีการศึกษาสูง มีหน้าที่การงานดีในสังคม ก็ต้องเรียกแพงเป็นเรื่องธรรมดา สังคมอินเดียก็พิจารณาแบบนี้เหมือนกัน

เมื่อรูปแบบและองค์ประกอบมันถูกออกแบบมาอย่างนี้ ฝ่ายที่ไปสู่ขอก็ต้องหาเงิน เตรียมสินสอดให้พร้อมครบถ้วนตามที่ฝ่ายชายเรียกระบุ แต่ปัญหาคือถ้าฝ่ายหญิงยากจนหาเงินสินสอดไม่ทันไม่ครบตามที่ฝ่ายชายกำหนด งานแต่งนั้นอาจไม่เกิดขึ้นถ้าฝ่ายชายยกเลิก ฉะนั้นบางครอบครัวจึงต้องไปกู้เงิน

ว่าแต่เรื่องสินสอดในสังคมอินเดียค่อนข้างเกิดปัญหาเยอะ มีผู้หญิงอินเดียถูกฆ่าเพราะเงินสินสอดจำนวนมาก ปี 2553 มีมากถึง 8,391 คดี ส่วนใหญ่มาจากความขัดแย้งเกี่ยวกับการจ่ายสินสอดที่ครอบครัวฝ่ายหญิงต้องให้แก่ครอบครัวฝ่ายชายในวันแต่งงานไม่ครบตามที่ฝ่ายชายเรียกร้อง

แล้วแม่ผัวนี่แหละตัวดีเจ้ากี้เจ้าการเรียกร้องสินสอดแพงจนฝ่ายหญิงหาไม่ครบในวันแต่ง หรือพอได้แต่งกันไปแล้วแม่ผัวก็ตั้งข้อรังเกียจลูกสะใภ้ บางทีถึงขั้นลงไม้ลงมือฆ่าลูกสะใภ้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ราดน้ำมันจุดไฟเผาแล้วแจ้งตำรวจว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆ่าตัวตาย ตามที่มีข่าวเคยลง

ส่วนใหญ่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นในสังคมชนบทเพราะประเพณีนี้ยังฝังแน่นอยู่ แต่ในฟากของสังคมเมืองก็มีความทันสมัยขึ้นเมื่อเจ้าสาวเริ่มเป็นฝ่ายเรียกสินสอดบ้าง แต่ที่นิยมก็คือทั้งสองฝ่ายออกค่าใช้จ่ายช่วยกัน

ที่ผมพูดถึงการแต่งงานของอินเดีย เพราะมีเรื่องหนึ่งที่อยากเล่านานแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับสินสอดเหมือนกัน ไม่ใช่สินสอดไม่ครบ แต่บางอย่างไม่ถูกใจเจ้าบ่าวเลยต้องเรียกร้องเพิ่ม ซึ่งผมรู้สึกว่าเจ้านี่มันก็เหลือเกิน

ผมว่าหลายท่านน่าจะจำข่าวหนุ่มอินเดียคนหนึ่งเรียกสินสอดเพิ่มจากเจ้าสาวหลังพิธีแต่งงาน แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วฝ่ายเจ้าบ่าวรวมทั้งพี่ชายของเขาถูกจับโกนผมแบบน่าเกลียดน่าอายมาก แค่นั้นไม่พอยังถูกคนเอารองเท้าสองคู่มาคล้องคอเสมือนว่าเป็นพวงมาลัยยังไงยังงั้น

เป็นงานแต่งงานที่ดราม่ามาก คือแต่งไปได้ 3 ชั่วโมงก็ต้องหย่ากัน ทั้งที่สินสอดทุกอย่างรวมรถจักรยานยนต์ที่เจ้าบ่าวเรียกพ่อเจ้าสาวซึ่งเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมจัดให้ครบตามว่าที่ลูกเขยเรียก แต่พอแต่งเสร็จเขยเจ้ากลับไม่พอใจเรียกสินสอดเพิ่ม และขอให้พ่อตาซื้อรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่ดีกว่าคันเดิมให้อีก

พ่อตาไม่พอใจ ฝ่ายลูกเขยก็ไม่ยอม!

ที่สุดก็มีปากเสียงกันจนเกิดความวุ่นวายย่อมๆ ท่ามกลางผู้มาร่วมงาน ญาติฝ่ายเจ้าบ่าวเห็นท่าบานปลายพยายามกล่อมเจ้าบ่าวให้ใจเย็นและพอใจในสินสอด ไม่ต้องโลภมากอยากได้อีก แต่เจ้าบ่าวไม่ยอมแถมขู่จะกลับบ้านโดยที่ไม่พาเจ้าสาวไปด้วย

กล้าพูดขนาดนี้มีหรือที่พ่อเจ้าสาวจะเฉยเมยได้

ในที่สุดครอบครัวฝ่ายเจ้าสาวที่รวยอยู่แล้ว เมื่อธาตุแท้ของลูกเขย “งก” แบบนี้ ขอบายสถานเดียว จึงขอให้ผู้มีอำนาจในท้องถิ่นมาช่วยเป็นพยานและขอหย่าเจ้าบ่าวหลังแต่งไปได้แค่ 3 ชั่วโมง พร้อมยื่นคำขาดต้องคืนของขวัญและสินสอดทั้งหมดที่เคยให้ไปกลับคืนมาด้วย

หมดกัน เจ้าบ่าวไม่ได้อะไรเลย!

แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น อินเดียอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ บรรดาคนที่มาร่วมงานต่างสุดทนกับความโลภความไม่รู้จักพอของเจ้าบ่าวเลยจับเจ้าบ่าวและพี่ชายของเขาลงโทษด้วยการโกนหัวประจาน

และเจ็บยิ่งกว่านั้นเมื่อพ่อฝ่ายหญิงได้จัดการติดต่อชายหนุ่มอีกคนในพื้นที่มาเข้าพิธีแต่งกับลูกสาวในเย็นวันนั้น เลี้ยงฉลองสมรสตอนค่ำตามกำหนดการเดิมที่วางไว้เพียงแต่เปลี่ยนเจ้าบ่าวคนใหม่เท่านั้น

เขียนมานี้ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบ่นให้ท่านผู้อ่านได้ยินด้วยเท่านั้น “คนโลภไม่รู้จักพอ” เป็นแบบนี้นี่เอง