ติช นัท ฮันห์ อาจารย์เซนแห่งหมู่บ้านพลัม
พระพุทธศาสนานิกายเซนเป็นอีกหนึ่งในความเป็นมหายานที่ได้รับการตอบรับจากชาวตะวันตก ผู้ที่ขึ้นชื่อว่ามีปัญญา
โดย...ราช รามัญ
พระพุทธศาสนานิกายเซนเป็นอีกหนึ่งในความเป็นมหายานที่ได้รับการตอบรับจากชาวตะวันตก ผู้ที่ขึ้นชื่อว่ามีปัญญาในการขบคิดและค้นคิดประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้แอบอิงเพียงแค่ความเชื่อแต่ประการใด แต่อาศัยหลักแห่งเหตุและผลเป็นตัวนำ
แม้ในการสนใจพระพุทธศาสนาของเขา ก็พึ่งอาศัยหลักแห่งเหตุผลเป็นหลัก พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสายเซนรูปหนึ่ง ผู้ที่ลี้ภัยจากบ้านเกิด คือ เวียดนาม ไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และได้นำเอาคำสอนไปเผยแผ่ที่นั่น ตอนแรกอยู่ทางตอนเหนือ จากนั้นได้มาสร้างใหม่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสเป็นสังฆะใหม่มีนามว่าหมู่บ้านพลัม
พระอาจารย์ท่านนี้นามว่า ติช นัท ฮันห์
แนวทางคำสอนของท่านไม่ทำให้รู้สึกว่าพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่แปลกแยกออกไปจากสังคมความเป็นอยู่ ในขณะเดียวกันท่านกลับมุ่งเน้นในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและเรื่องของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติแบบกลมกลืน อีกทั้งยังมุ่งเน้นในเรื่องของเสรีภาพอีกด้วย
จิตใจของท่านปฏิเสธความรุนแรงทุกรูปแบบ แม้แต่การมีความคิดที่รุนแรงก็ปฏิเสธเช่นเดียวกัน อาจจะกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าผู้ที่ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุโรปและอเมริกาที่ได้ผลมากที่สุด เห็นมีอยู่เพียงแค่ 2 รูปเท่านั้นในโลกนี้ คือ องค์ดาไลลามะ และท่านติช นัท ฮันห์
ท่านมักกล่าวเสมอว่า “มนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ เป็นดั่งกันและกันอย่างแท้จริง ไม่มีอะไรที่แตกต่างและแปลกแยกออกจากกันเลย ดังนั้นเราจึงควรที่จะดูแลรักษาและอนุรักษ์ธรรมชาติทั้งหลายเอาไว้ ด้วยการไม่ปล่อยควันพิษไปทำร้ายธรรมชาติทุกอย่างในโลก
เป็นแนวคิดที่พยายามชี้ให้เห็นว่าทุกสรรพสิ่งเป็นหนึ่งเดียวกัน แนวทางแบบนี้สามารถทำให้คนที่มีจิตใจแข็งหยาบกระด้างได้รู้สึกว่ามีจิตที่อ่อนลง ควรค่าแก่การปฏิบัติการงานทางด้านการฝึกจิตมากขึ้น
ส่วนตัวผมศึกษาทั้งเถรวาทอย่างเข้มข้น และทางด้านของมหายาน เพื่อต้องการหามิติใหม่ๆ ให้กับจิตวิญญาณตัวเอง ก็ทำให้พบได้ว่าคำสอนแบบเซนก็เป็นอีกหนึ่งที่ผมมีความชื่นชอบและเป็นคำสอนที่ท้าทายการปฏิบัติจิตยิ่งนัก
คำสอนของท่าน ติช นัท ฮันห์ ไม่ได้สอนแบบให้เชื่อแล้วให้ไหว้ต้นไม้ ไหว้ผี แต่ท่านสอนให้รักษาต้นไม้ทุกต้น ท่านให้นำเอาจิตใจและความรู้สึกทั้งหมดนี้อยู่เคียงคู่กับธรรมชาติ และไม่โกงธรรมชาติ ไม่เอาเปรียบต่อธรรมชาติทุกสิ่งอย่าง
เมื่อจิตใจเราเข้าใกล้ธรรมชาติแล้ว ย่อมจะมีจิตใจที่อ่อนโยนและเป็นจิตใจที่ง่ายต่อการศึกษาธรรมในขั้นสูงๆ ต่อไป
ในประเทศไทยก็มีหมู่บ้านพลัมด้วยเช่นกัน ผู้ที่สนใจอยากปฏิบัติธรรมในสายเซนแบบของท่าน ผู้เขียนทราบมาเลาๆ ว่าหมู่บ้านพลัมที่นครราชสีมาก็มีอยู่ ลองไปหาข้อมูลเอาเองก็แล้วกัน
เสียงกริ๊งจากระฆังเคาะที่ท่านชอบนำเอามาใช้ร่วมกับการปฏิบัติ เรียกได้ว่าเป็นการบอกให้เตรียมตัว ใครที่เคยฝึกในหมู่บ้านพลัมย่อมจะทราบดีว่ารูปแบบของการฝึกเป็นอย่างไร ท่านให้เดินบ้าง เดินไปด้วยกันหลายๆ คน จับมือกันไปบ้าง หยุดบ้างเพื่อให้มีสติระลึกรู้ ท่านเคยสอนลูกศิษย์ว่า
“เพราะใจเป็นทั้งหมดของธรรมชาติ เหมือนกันดังนั้น ต้องหมั่นดูแลรักษาใจ อย่าให้เศร้าหมอง”
นอกจากนี้ บางครั้งท่านได้บอกกับลูกศิษย์ การผ่อนคลายที่สุดนั่นแหละอาจทำให้เราได้เห็นอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของความคิดและจิตใจ อาจรวมไปถึงเรื่องของการเข้าใจในเนื้อหาแห่งธรรมทั้งปวงด้วย
สิ่งหนึ่งที่เชื่อเสมอมานั่นคือ เซนไม่ได้สอนให้ยึดติด และก็ไม่ได้สอนให้ห่างขาดจากโลกแห่งสมมติ เพียงแต่การใช้ชีวิตอาจจะมุ่งเน้นไปที่ความเป็นตัวของตัวเองทางจิตใจค่อนข้างสูง มีนิทานเซนเรื่องหนึ่งเขาสอนว่า
ตอนเพิ่งเริ่มปฏิบัติธรรม มองแม่น้ำก็เป็นแม่น้ำ มองภูเขาก็เป็นภูเขา ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างเลย แต่ต่อมาเมื่อปฏิบัติไปจนถึงระดับหนึ่งจะมองเห็นว่า แม่น้ำก็เป็นเพียงธาตุน้ำ ภูเขาก็เป็นธาตุดิน แต่เมื่อบรรลุธรรมแล้วก็มองเห็นแม่น้ำนั้นก็เป็นแม่น้ำ ภูเขาก็เป็นภูเขาดังเดิม เหมือนกับคนที่เพิ่งเริ่มปฏิบัติ แต่ความลึกซึ้งของการเห็นนั้นย่อมแตกต่างกันออกไป ระหว่างผู้ที่เพิ่งเริ่มปฏิบัติเห็นกับผู้บรรลุธรรมเห็น
คำสอนของท่านติช นัท ฮันห์ ก็เช่นเดียวกัน
แนวทางการฝึกที่มุ่งเน้นสติ ให้เดินมีสติ ให้นั่งมีสติ ทำอะไรก็ตามในกิจวัตรประจำวันของชีวิตก็ควรที่จะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา แนวทางการสอนเป็นเช่นนี้
พระเซนในญี่ปุ่นก็อย่างหนึ่ง พระเซนแบบจีนก็อีกแบบหนึ่ง พระเซนแบบเวียดนามก็อีกแบบหนึ่ง ทุกอย่างย่อมมีความแตกต่างกันในความเหมือนเสมอ จึงจะทำให้เราเกิดความสมดุลอย่างแท้จริงของการใช้ชีวิต สัปดาห์นี้ก็ขอให้ทุกคนลองไปปฏิบัติธรรมแบบง่ายๆ
การปฏิบัติแบบง่ายๆ ของท่าน ติช นัท ฮันห์ คือการอาศัยหลักสติปัฏฐานสี่ โดยเน้นให้มีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามให้มีจิตที่แน่วแน่กับอารมณ์ในปัจจุบัน และให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเสมอในขณะที่ใช้ชีวิตประจำวัน และในระหว่างวันควรหาช่วงเวลากลับมาอยู่กับลมหายใจของตัวเองบ้าง เพื่อเป็นการฝึกไม่ให้จิตส่งอารมณ์ออกไปอยู่กับสิ่งนอกตัวเพียงอย่างเดียว
เวลาฝึกในหมู่บ้านพลัมไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ฝึกเดิน ฝึกยืน หรือนั่งสมาธิภาวนา ก็จะมีเสียงจากระฆังใบเล็กๆ คอยกำกับเพื่อให้จิตกลับมาอยู่กับตัวเสมอ
ดังนั้น กลับมาใช้ชีวิตจริงๆ ของเราให้ง่ายขึ้น แล้วเราก็จะมีความสุขตลอดไปครับผม