posttoday

หลวงพ่อสุทัศน์ วัดกระโจมทอง ‘พระธรรมดาที่ไม่ธรรมดา’

26 กุมภาพันธ์ 2560

พระสงฆ์ในสายปฏิบัตินั้นมีมากมาย แต่มีพระรูปหนึ่งนามว่า หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล วัดกระโจมทอง บางกรวย นนทบุรี

โดย...ราช รามัญ

พระสงฆ์ในสายปฏิบัตินั้นมีมากมาย แต่มีพระรูปหนึ่งนามว่า หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล วัดกระโจมทอง บางกรวย นนทบุรี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ท่านเป็นพระปฏิบัติที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยอย่างมาก สงบและเพียบพร้อมด้วยความงดงามแห่งศีลอย่างยิ่งนัก เป็นพระผู้ไม่ปรารถนาเบียดเบียนสรรพสัตว์ ดังความตอนหนึ่งในหนังสือที่เขียนว่า

“ไม่ปรารถนาเอาเลือด เอาเนื้อผู้อื่น มาเป็นเลือดเนื้อตัวเอง”

ท่านฉันมังสวิรัติมาตลอดชีวิตของท่าน วันนี้ท่านมีอายุ 82 ปี บรรพชาอุปสมบทมา 60 พรรษา ร่างกายแข็งแรงเดินเหินตัวตรง เพราะหลวงพ่อท่านนั่งภาวนาสมาธิอยู่ตลอดเวลา แม้ในบางครั้งท่านเดินทางไปต่างประเทศทั้งอังกฤษ  สหรัฐอเมริกา และอินเดีย เนปาล เพื่อเผยแผ่ธรรม สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงยิ่งนัก

ตำแหน่งแห่งหนของทางคณะสงฆ์ท่านไม่ปรารถนา เพราะมาทางสายปฏิบัติเป็นเพียงแค่สมภารธรรมดา ขบฉันอยู่อย่างเรียบง่าย ผู้คนเข้าถึงง่าย ในหนังสือนอกจากจะเล่าประวัติความเป็นมาแล้วยังเล่าถึงประสบการณ์ในการเดินธุดงค์ของหลวงพ่อเอาไว้อย่างละเอียด

ท่านเคยออกเดินธุดงค์ตั้งแต่ปี 2502 จากบ้านของท่านที่นครศรีธรรมราช อ.ปากพนัง ร่วมกับพระสหธรรมิก คือ พระครูพินิตธรรมสุนทร (พระอาจารย์ บัญญัติ มุนินโท ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดคงคาสวัสดิ์ ปากพนังและเจ้าคณะอำเภอปากพนัง) ไปถึงเมียนมา โดยใช้เส้นทางล่องไปทางระนองข้ามออกไปทางเกาะสอง เดินลัดเลาะป่าเขาลำเนาไพร ทั้งยากลำบาก ทั้งหลงป่า ทั้งพบกับโขลงช้างในป่าลึก ใช้เวลาในการเดินทางกว่า 2 ปี จึงถึงที่หมาย คือ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ประเทศเมียนมา

ต่อมาเมื่อท่านได้มาอยู่วัดอัมพวัน ที่เขตดุสิต กรุงเทพฯ แต่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ได้มีพระบัญชาให้มายกวัดร้าง คือ วัดกระโจมทองขึ้นเป็นวัดอีกครั้งหนึ่ง แม้ใจจะไม่พึงปรารถนาเป็นเจ้าอาวาสใดๆ แต่ก็ไม่อาจหลีกได้เพราะท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น) ปรารถนาให้คนเมืองได้กราบไหว้พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบบ้าง

หลวงพ่อสุทัศน์ วัดกระโจมทอง ‘พระธรรมดาที่ไม่ธรรมดา’

 

นับจากปี 2512 เป็นต้นมา หลวงพ่อจึงหยุดการออกเดินป่าภาวนาธรรม แล้วมาพัฒนาวัดกระโจมทองตามพระบัญชาสืบมาจนกระทั่งในปัจจุบันนี้

หลวงพ่อนอกจากสอนเผยแผ่ธรรมให้กับญาติโยมด้วยแนวทางในการฝึกสติปัฏฐานสี่แล้ว หลวงพ่อยังฝึกพระสงฆ์องค์เณรให้มีความรู้ในทางด้านการปฏิบัติ แล้วส่งไปเผยแผ่ธรรมทั้งในและต่างประเทศด้วย ลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่เป็นพระภิกษุมีความงดงามตามธรรมและคำสอนและแนวทางที่หลวงพ่อแนะนำสั่งสอน อาทิ พระอาจารย์กมลชัย ญาณโสภโณ เป็นพระผู้ทรงความรู้แตกฉานในธรรมการปกครองและธรรมปฏิบัติ และเป็นพระภิกษุรูปแรกที่หลวงพ่ออุปสมบทให้เมื่อได้รับตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ ทุกวันนี้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกระโจมทอง หรือแม้แต่พระครูกิตติกาญจนารักษ์ (พระอาจารย์สุพจน์ กิตติคุโณ) ซึ่งอยู่ที่ปากพนัง ก็เป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงพ่ออีกรูปหนึ่งที่ได้รับการอบรมธรรมงดงามเพียบพร้อมเป็นพระสงฆ์ที่ดีอีกรูปหนึ่งเช่นกัน

ในหนังสือมีธรรมะบทหนึ่งที่หลวงพ่อสอนพระภิกษุเสมอว่า

“เข้ามาบวช อย่าคิดแต่จะอาศัยวัด ให้วัดได้อาศัยบ้าง”

ในด้านการเผยแผ่ธรรมของหลวงพ่อ จะเน้นเทศนาและอบรมไปในแต่ทางด้านการปฏิบัติธรรมเป็นเสียส่วนใหญ่ ส่วนธรรมะที่เป็นแนวพิธีกรรมน้อยนักที่หลวงพ่อจะเทศนา การปฏิบัติของหลวงพ่อมุ่งเน้นตอกย้ำให้เจริญสติ อยู่ในอิริยาบถต่างๆ ในฐานการเคลื่อนไหวทั้งสี่ หรือที่เรียกตามคัมภีร์ว่า สติปัฏฐาน นั้นเอง หลวงพ่อท่านกล่าวเสมอว่า

“การมีสติอยู่ในกาย และการเคลื่อนไหวนั้น ทุกครั้งที่มีสติรู้อยู่ ก็ถือได้ว่านั่นกำลังบำเพ็ญกุศล กำลังปฏิบัติธรรมอยู่ เท่านี้ก็มีผลใหญ่อานิสงส์ใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่วัด อยู่บ้าน อยู่ที่ทำงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนๆ ในโลก ถ้ามีสติเมื่อไหร่เมื่อนั้นก็เป็นการปฏิบัติธรรมทันที”

หลวงพ่อยังคงเน้นลงลึกไปอีกว่า...

“ความงดงามแห่งธรรมจากการปฏิบัติจะหอบพาจิตวิญญาณของเราให้ได้ไปพบแต่สิ่งที่ดีงามของชีวิต และถ้ามีบุญวาสนาก็อาจจะทำให้ได้ก้ามข้ามโคตรภูญาณ ได้เป็นอริยบุคคลตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป ถึงที่สุดเป็นพระอรหันต์ ซึ่งเรื่องนี้แล้วแต่บารมีของแต่ละคนเป็นเรื่องเฉพาะตนไม่มีใครทราบใครได้”

ท่านเจ้าคุณพยอม หรือพระราชธรรมนิเทศ วัดสวนแก้ว นนทบุรี เคยปรารภว่า..

“พระอาจารย์สุทัศน์ เป็นพระสงฆ์ที่มีปฏิปทางดงาม มีพลังจิตที่เข้มแข็ง ท่านมีความรู้แตกฉานในเรื่องของการปฏิบัติธรรมอย่างมาก พระสงฆ์ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา”

หนังสือเล่มนี้นอกจากจะเขียนถึงประวัติทุกแง่มุมของหลวงพ่อสุทัศน์แล้ว ยังได้นำเอาธรรมะในภาคปฏิบัติของหลวงพ่อในบางส่วนมารวบรวมเอาไว้ด้วย นับได้ว่าเป็นหนังสือที่ดีน่าอ่านและนำเอามาศึกษาอย่างมาก จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ย้อนรอย รวบรวมเนื้อหาโดย เหม ญาณวีโร ราคา 125 บาท มีจำหน่ายในร้านหนังสือชั้นนำ ผมเองได้อ่านแล้วยังชื่นชอบมุมคิดและการปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อยิ่งนัก