posttoday

โรคริษยา

19 กุมภาพันธ์ 2560

ผมรู้จักเถ้าแก่คนจีนร้านขายมอเตอร์ไซค์คนหนึ่ง อายุน่าจะเลยวัยเกษียณไปแล้วหลายปี รูปร่างสูงโปร่ง ขาว

โดย...ชลารย์ ชล

ผมรู้จักเถ้าแก่คนจีนร้านขายมอเตอร์ไซค์คนหนึ่ง อายุน่าจะเลยวัยเกษียณไปแล้วหลายปี รูปร่างสูงโปร่ง ขาว แต่ร่างกายยังแข็งแรง ชอบออกกำลังกายด้วยการไปวิ่งที่สวนสาธารณะประจำ ถ้าดูจากเค้าหน้าในปัจจุบันย้อนไปสมัยหนุ่มจัดว่า เป็นหนุ่มตี๋หน้าตาดี

ที่บอกว่ารู้จักนั้นไม่ได้รู้ลึกซึ้งอะไร แค่ที่ที่ผมอยู่ใกล้กับร้านแกเดินไปไม่กี่สิบก้าวก็ถึง เจอกันบ่อย เดินสวนทางมีทักทายบ้าง ส่วนใหญ่แกทักทายก่อนส่วนผมก็จะยิ้มให้ก่อนเช่นกันถือว่าเราทั้งคู่สร้างไมตรีคนละอย่าง

เถ้าแก่มีร้านขายมอเตอร์ไซค์อยู่ 3-4 ร้านในกรุงเทพฯ อยู่ในโซนไม่ไกลมากจากสาขาแรก ซึ่งอยู่แถวผมอยู่นี่เอง ขายดีมาก มีลูกค้าทุกวัน ถ้าผมมีร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามคงต้องทำตาปริบๆ จริงๆ ก็มีร้านหนึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนะ แต่เท่าที่สังเกตไม่ค่อยมีลูกค้าเวียนเข้าเวียนออกร้านอย่างเช่นร้านนี้

นอกจากมีลูกค้าเวียนเข้าเวียนออกร้านทุกวันแล้ว เวลาผมขี่มอเตอร์ไซค์ออกนอกบ้าน ไปใกล้ไกลเป็นต้องเห็นรถจากร้านของแกตลอด เพราะมีสติ๊กเกอร์ร้านติดที่รถเป็นสัญลักษณ์ ลองคิดดูร้านขายมอเตอร์ไซค์ทั่วกรุงเทพฯ มีมากมายกระจายอยู่ทั่ว เวลารถติดไฟแดงเหลือบไปมองคันหน้าหรือคันเยื้องๆ ต้องมีรถร้านแก

พูดถึงสติ๊กเกอร์ร้านที่ติดรถผมลอกออกหลังซื้อรถได้ 3 เดือน เพราะช่วง 3 เดือน เจออุบัติเหตุ 3 ครั้ง (หลังลอกออกไม่เจออุบัติเหตุเลย เจอแต่พี่ตำรวจประจำ) ครั้งล่าสุดแม้ไม่เจ็บหนักแต่ขวัญเสียมากเพราะลูกๆ นั่งไปด้วย รถล้มทุกคนบาดเจ็บ แต่โชคดีไม่หนัก รวมทั้งคนถูกชน (เป็นเด็กม.1 วิ่งตัดหน้ากะทันหันโดยไม่ดูไฟเขียวไฟแดง วิ่งลงมาทางม้าลายก็จริงแต่เป็นจังหวะไฟเขียวของรถ)

ย้อนไปเรื่องสติ๊กเกอร์ร้านอีกนิดหนึ่ง จริงๆ มันก็ไม่ได้เป็นปัจจัยหรือสาเหตุให้ผมต้องประสบอุบัติเหตุอะไรหรอก แค่อยากเอาออกเฉยๆ ไหนๆ ติดไปก็ไม่ได้ค่าโฆษณาจากร้านเถ้าแก่อยู่แล้ว อันนี้พูดเล่นๆ นะครับ หรือท่านจะคิดจริง (ฮ่า)

ความที่ผมอยู่ใกล้ร้านนี้จะเห็นสิ่งที่เถ้าแก่ทำเป็นกิจวัตร นั่นคือจุดธูป 1 กำมือหลวมๆ แล้วอธิษฐานไหว้เจ้าที่เจ้าทางและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อแล้วปักธูปใกล้ๆ โคนต้นไม้ริมถนนบนฟุตปาทซึ่งอยู่หน้าร้าน จากนั้นเอาน้ำเข้าใจว่าเป็นน้ำมนต์มาประพรมไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดเรียงรายทั้งในและนอกร้าน

ไม่ทำตอนเช้าก็ทำตอนเย็นประมาณ 4-5 โมงเย็น บางวันตอนเช้าก็มีใส่บาตรพระด้วย นี่คือสิ่งที่เถ้าแก่ทำทุกวัน ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนค้าขาย โดยเฉพาะคนจีนเท่าที่เห็นส่วนใหญทำเป็นปกติแต่รูปแบบปลีกย่อยอาจต่างกันบ้าง เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำจะช่วยให้การค้าขายดีมีกำไรแล้วบรรพบุรุษก็พาทำมาด้วย

ทว่า ผมต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็นด้วยตาตัวเองในค่ำคืนหนึ่งเวลาตี 1 เมื่อเห็นเถ้าแก่คนนี้ในมือถือธูปที่จุดแล้วไปยืนอยู่หน้าร้านขายมอเตอร์ไซค์ฝั่งตรงข้ามร้านตัวเอง จากนั้นยกธูปขึ้นอธิษฐานสักพักก็กระทืบเท้าไป 3 ที เสร็จจากจุดหนึ่งก็ขยับไปทำอีกจุดจนครบ 3 จุด แล้วถือธูปกลับมาที่ร้านตัวเอง

“เถ้าแก่ทำอะไรของแก” จากภาพที่เห็นก็พอทำให้เชื่อ 100% ว่าแกคงทำ “อกุศล” อยู่ (อกุศล-ความชั่ว สิ่งไม่ดีที่ไม่ควรทำ การกระทำของคนที่ไม่ฉลาด) เลยอดสงสัยต่อไม่ได้ว่าแล้วจะทำทำไมในเมื่อทุกวันนี้ร้านฝั่งตรงข้ามไม่ใช่คู่แข่งที่มีเขี้ยวเล็บน่ากลัวอะไร ส่วนร้านของแกก็ขายรึ่มๆ (ขายดี)

การกระทำของเถ้าแก่อดให้ผมคิดในมุมกลับไม่ได้อีกนั่นแหละว่า ถ้าสมมติร้านตรงข้ามเป็นร้านของแกจะเกิดอะไรขึ้นกับร้านที่ขายดีหนอ คิดเพลินๆ (นะ) ผมว่าแกคงจัดหนักกว่านี้หลายเท่า นี่ขนาดว่าคู่ชกหมดแรงหายใจพะงาบๆ แกยังถลุงกะให้ตายคามือ หรือเหยียบให้จมธรณี

ถามเพื่อนคนหนึ่งมีกิจการของตัวเองว่า ถ้าเจอกรณีเช่นนี้กับตัวหรือมีคนมาบอกว่ามีคนทำแบบนี้จะทำอย่างไร เพื่อนบอกว่าไม่คิดตอบโต้คนประเภทนี้เพราะเชื่อว่าที่เขาทำไปนั้นที่สุดแล้วไม่ได้ทำให้เขามีความสุขหรอก หากตอบโต้ด้วยวาจาก็รังแต่จะมีเรื่องและนำภัยมาให้ หากตอบโต้คืนเช่นที่เขาก็มีแต่จะผูกเวร เขาจึงเลือกที่จะไม่ผูกเวร ขณะเดียวกันก็พยายามพัฒนาสินค้าและบริการให้ดีและพร้อมกับการแข่งขันสู้กับร้านนั้น

จริงอยู่ทำการค้าไม่ว่าใครก็อยากค้าขายดีและหวังได้กำไรเยอะๆ แต่ก็ควรทำแบบแฟร์ๆ แข่งกันที่สินค้าและบริการไม่ใช้วิธีสกปรก เพราะถึงจะหาได้มากแค่ไหนที่สุดแล้วเวลาตายก็เอาไปด้วยไม่ได้ ผมว่าสังคมไทยเป็น “โรคริษยา” กันเยอะ บางคนได้เลื่อนขึ้นตำแหน่งอีกคนก็ริษยา บางคนริษยาที่คนอื่นเก่งกว่า ฯลฯ

นี่คือ โลกของคน แล้วคนก็มักจะเป็นโรคนี้ พอเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จก็มักจะทนไม่ได้ตาร้อนทันที ชื่นชมยินดี (มุทิตา) ไม่มี สอบตก “มุทิตา” ตลอด