posttoday

พระร่วงนั่งหลังลิ่ม คุ้มภัยรอดตาย ‘รองโด่ง’ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ

29 มกราคม 2560

หากเอ่ยชื่อ “รองโด่ง” พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อดีตนายตำรวจมือปราบยาเสพติด

โดย...เอกชัย จั่นทอง ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข

หากเอ่ยชื่อ “รองโด่ง” พ.ต.อ.ดุษฎี  อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อดีตนายตำรวจมือปราบยาเสพติด ชื่อนี้ได้สร้างผลงานการันตีความสามารถไว้ไม่น้อย ก่อนจะถอดเครื่องแบบสีกากี เข้าสู่แวดวงกระทรวงยุติธรรม ซึ่งยังคงทำงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายเช่นเดิม  วิชาความรู้ด้านสืบสวนสอบสวนไม่เคยเป็นรองใคร ถูกยอมรับจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่มากมาย

พ.ต.อ.ดุษฎี จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 37 มีเพื่อนร่วมรุ่นชื่อดัง อาทิ  “บิ๊กวี” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตเลขาฯ ศอ.บต. “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ.10  “เดอะเรศ” พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ  รองจเรตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ

ในเส้นทางชีวิตตำรวจ “รองโด่ง” เริ่มทำงานเป็นพนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ก่อนขยับเป็นหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่  จนมาเป็น ผกก.ยาเสพติด คุมพื้นที่  17 จังหวัดภาคเหนือ (ภาค 5-6 ปัจจุบัน) จากนั้นถูกโยกเป็นผู้กำกับการฝ่ายวิเคราะห์ข่าว กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) กระทั่ง พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์  เป็นอธิบดีดีเอสไอ และชักชวน  พ.ต.อ.ดุษฎี  มาทำงานในดีเอสไอ เป็นหัวหน้าชุดสะกดรอย ไม่นานนักได้นั่งเป็นรองอธิบดีดีเอสไอ ก่อนขึ้นสู่ตำแหน่ง เลขาธิการ ป.ป.ท. และเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในปัจจุบัน

ผลงานการันตีฝีมือในอดีตเป็นหนึ่งในทีมงานติดตามจับกุม ภาพ 70 สิบไร่ ราชาค้ายาเสพติดในกรุงเทพฯ แดง บ่อพลอย  กำนันเป๊าะ  สจ.ออด ลำปาง  วัฒนา อัศวเหม หรือแม้แต่ ชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต สส.อุทัยธานี รวมถึงล่าสุด วิชัย ปั้นงาม เจ้าพ่อเงินกู้ดอกโหด

“รองโด่ง” ถอดประสบการณ์ชีวิตเฉียดตายถึง 2 ครั้งว่า ช่วงปี 2533 สมัยครองยศ “ร.ต.อ.” นำกำลังล่อซื้อยาเสพติดบริเวณชายแดนไทย-พม่า จ.แม่ฮ่องสอน  เป็นขบวนการค้ายาเสพติดของขุนส่า นัดส่งยาเสพติดแถบชายแดน เป็นเฮโรอีน ประมาณ 40 ถุงใหญ่ ตรา “สิงโตคู่เหยียบลูกโลก” ก่อนวางแผนเพื่อเข้ายึดยาฯ และทราบว่าบนสันเขามีกองกำลังค้ายาฯ ซุ่มอยู่  ลูกน้องก็บอกว่า “นายไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวพระอาทิตย์ขึ้นพวกกองกำลังบนสันเขามันถอยกำลังกลับหมด”

กระทั่งถึงจุดนัดส่งยาฯ เกิดการยิงปะทะกันสนั่นหวั่นไหวนานกว่า 30 นาที เราพยายามจะเข้าไปยึดยาเสพติด แต่คาราวานของขุนส่าถล่มด้วยกระสุน และยิงระเบิด M 79 เข้าใส่ แต่โชคดีมันไม่ระเบิดรอดตายหวุดหวิด ส่วนลูกน้องถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จนต้องขอกำลังเสริมตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) มาช่วย กระทั่งกลุ่มค้ายาเสพติดถอย ก่อนเข้าเคลียร์พื้นที่บนสันเขายึดยาเสพติด อาวุธปืนสงครามอาก้า คาร์บิน และจับผู้ต้องหาได้

พระร่วงนั่งหลังลิ่ม คุ้มภัยรอดตาย ‘รองโด่ง’ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ

 

“ไม่น่าเชื่อว่าลูกระเบิด M 79 ที่ตกลงมาเป็นแค่สะเก็ดไฟ เลยมาวิเคราะห์ทำไมถึงเกิดเป็นแค่สะเก็ดไฟ  ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นลูกยิงที่ใช้ส่องแสง  ถ้าเป็นลูกจริงพี่คงตายกันหมดและโชคดีพี่ไม่ถูกยิงแต่ลูกน้องได้รับบาดเจ็บ 2 นาย เป็นประสบการณ์ครั้งแรก”

อีกเหตุการณ์ ช่วงปี 2543  ขณะนั้นยศ  “พ.ต.อ.” ล่อซื้อยาเสพติดที่ อ.ฝาง จ.เชียงราย  พ.ต.อ.ดุษฎี เล่าว่า “ลูกน้องบอกงานนี้ง่ายนาย” แต่เราสังหรณ์ใจต้องมีเหตุยิงกันแน่ๆ ก่อนขับรถไปจุดนัดส่งยาเสพติด ระหว่างเดินทางเกิดเลี้ยวรถเข้าซอยผิด ลูกน้องรีบ วอ.บอก ลูกน้องเลยรีบถอยรถแต่ดันตกข้างทาง จึงต้องย้ายตัวเองและอาวุธขึ้นรถกระบะอีกคัน เข้าพื้นที่ ส่วนพี่กระโดดนั่งท้ายกระบะ

กระทั่งเข้าซอยเป้าหมาย สังเกตเห็นคนจีนฮ่อยืนอยู่ข้างทางใส่เสื้อกันฝน ในใจคิดว่าน่าระแวง เลยสั่งลูกน้อง “เอาเลย”  มองภายนอกไม่เห็นว่ามันมีอาวุธ  ลูกน้องเลยกระโดดลงหลังกระบะเข้าชาร์จ “เท่านั้นล่ะ  มันยิงสวนออกมา กระสุนเข้าไหล่ขวาของลูกน้อง  พี่เลยยิงชายคนนั้นตายเลย จากนั้นได้เข้าไปจุดนัดส่งยาเสพติดก็ถูกกลุ่มค้ายาซุ่มยิงตำรวจเจ็บ 3 นาย แต่ทุกคนปลอดภัย  ส่วนพี่ไม่โดนยิงเลย”

จากหลายเหตุการณ์รอดชีวิตหลายครั้ง พ.ต.อ.ดุษฎี เล่าพร้อมกับยิ้มมุมปากว่า พี่แขวนพระร่วงนั่งหลังลิ่ม วัดช้างล้อม ซึ่งมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่โทรมาถามเหตุการณ์แล้วถามพี่ว่า “ห้อยพระอะไรวะ” เจ้าตัวได้แต่หัวเราะและตอบนายไป

ในเรื่องพระเครื่องคล้องคอคู่กาย พ.ต.อ.ดุษฎี บอกว่า องค์แรก 1.พระรอดลำพูน พิมพ์ต้อ วัดมหาวัน จ.ลำพูน ถัดมา 2.พระร่วงนั่งหลังลิ่ม วัดช้างล้อม จ.สุโขทัย และสุดท้าย 3.พระร่วงรางปืน จ.สุโขทัย  ทั้งหมดได้มาจากคุณพ่อ และใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจทำงานมาตลอดหลายสิบปี

“เชื่อมั่นว่าอาชีพของพี่ต้องทำความยุติธรรมให้กับสังคม เมื่อเกิดความยุติธรรมในสังคมได้มันทำให้เกิดความสบายใจ สิ่งเหล่านี้มันยิ่งกว่าความดีทำให้เรามีกำลังใจทำงานเวลาเห็นผลสำเร็จของงาน เห็นรอยยิ้มของประชาชนและเพื่อนร่วมงาน เสมือนกำลังใจผลักดันให้เรามุ่งทำงานต่อไปข้างหน้า”

พ.ต.อ.ดุษฎี ยอมรับว่า หลายครั้งทำงานเจออุปสรรคตลอด แต่มองว่ายิ่งมีอุปสรรคแสดงว่าเราทำถูกทาง เพราะศัตรูคนที่ทำความผิดอยู่ตรงข้ามเรา ดังนั้นเขาคือ “ศัตรูของสังคม ศัตรูของแผ่นดิน” เราต้องทำให้ประชาชนได้รับความยุติธรรม ต้องดูแลประชาชนที่เดือดร้อน และจัดการคนที่เอาเปรียบสังคม หรือผู้มีอิทธิพลต้องอยู่ใต้กฎหมาย  ถ้าทำสองอย่างได้ถึงแม้มันจะยากลำบาก หรือบางครั้งต้องต่อสู้อำนาจรัฐ  แต่ถ้าเราทำสำเร็จมันเป็นประวัติศาสตร์และภูมิใจ

“สิ่งเหล่านี้จะสอนลูกน้องเสมอ เพราะวันหนึ่งพี่เกษียณไปคนเหล่านี้ก็ต้องโตขึ้นมา มีลูกน้อง 100 คน ถ้าได้สัก 10 คน ทำแบบเราพี่ถือว่าได้ประโยชน์ ทุกวันนี้เข้าไปสอนที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เน้นเรื่องเหล่านี้เสมอ”

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวย้ำว่า ไม่ได้ต้องการให้ประชาชนเชื่อมั่นพี่ แต่ขอให้เชื่อมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรม และจงเชื่อว่าความยุติธรรมมีจริงในสังคม