posttoday

‘พุทธทาสกับเซ็น’

29 มกราคม 2560

พระสงฆ์ในระบบเถรวาทของเมืองไทยที่มากมายความรู้นับตั้งแต่อดีตกาลมานับไม่ถ้วน บางรูปได้เป็นมหาเปรียญธรรม

โดย...ราช รามัญ

พระสงฆ์ในระบบเถรวาทของเมืองไทยที่มากมายความรู้นับตั้งแต่อดีตกาลมานับไม่ถ้วน บางรูปได้เป็นมหาเปรียญธรรม บางรูปเน้นไปในทางการปฏิบัติอย่างสายพระป่า เรียกได้ว่า สยามประเทศนี้รวมเอาไว้หลากหลายรูปแบบ 

สมัยยังละอ่อนตะลอนอยู่ในดงขมิ้นนานพอควร การเดินทางของผมตั้งแต่เหนือจรดใต้ เป็นสิ่งที่ชื่นชอบเพราะได้ตระเวนกราบครูบาอาจารย์ ที่ทรงไว้ด้วยความรู้ สิ่งที่เป็นความฝันของพระหนุ่มเณรน้อยทั้งหลายไม่ได้แตกต่างจากญาติโยมคือ แสวงหาพระอรหันต์ แต่ยิ่งหาเราก็ยิ่งไกล เพราะความเป็นอรหันต์มันอยู่ในใจ ไม่ได้อยู่ที่ในดงในป่าหรือซอกเขาอย่างที่เรามโนกันเข้าไปเอง

คืนหนึ่งขณะอยู่ที่เชียงราย สนทนาธรรมกับพระอาจารย์วิชัย เขมิโยวัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงราย เกือบสุดแดนสยามที่แม่สาย ได้แนะนำเรื่องสติปัฏฐานสี่ ฟังไปฟังมาท่านพาเข้าวกถึงพระอาจารย์ดีแดนทักษิณ ถามท่านว่าดีอย่างไร พระอาจารย์วิชัยบอกว่า พระอาจารย์รูปนี้มีมุมมองแนวคิดคติธรรมที่ล้ำเลิศประเสริฐ ครั้นพอถามต่อว่า เป็นพระอรหันต์หรือไม่ ท่านตอบทันทีว่า

“ไม่ทราบ...แต่ท่านมีความรู้นัก”

รุ่งเช้ากราบลาท่านล่องจากแดนเหนือสุดเพื่อไปตามคำแนะนำ มุ่งหน้า จ.สุราษฎร์ธานี ไปที่ อ.ไชยา เพื่อได้กราบพระอาจารย์รูปที่หลวงพ่อวิชัยแนะนำ คือ หลวงพ่อเจ้าคุณพุทธทาส วันนั้นท่านชรามากพอควร แต่ยังออกมาแสดงธรรมบ้างตามโอกาสแม้ว่าบางครั้งจะมีอาการอาพาธมารบกวนบ้าง

สวนโมกข์ เป็นสถานที่เงียบสงบ แม้จะใหญ่โตปานใด ก็แตกต่างจากวัดเมืองวัดป่ายิ่งนัก การอยู่กันของพระเณรเป็นไปตามข้อบังคับ ที่สำคัญหลวงพ่อพุทธทาสท่านมักจะกล่าวว่าถ้าที่พอมีความรู้พื้นฐานจบนักธรรมเอกบ้างแล้วมาเรียนมาอยู่จะมีความเข้าใจบ้าง

สิ่งที่ท่านสอน คือ เรื่องราวธรรมะที่เหนือบุญทาน ขึ้นไปถึงจิตใจ ไม่ได้สอนเรื่องนรกสวรรค์หรือแบบนิมิตฝันเห็นพญานาคเทพเทวดา แต่สอนทุกอย่างที่อยู่ในกฎแห่งความเป็นธรรมชาติของจิตใจ เป็นธรรมชาติของทุกสรรพสิ่ง ท่านสอนเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวตลอดชีวิตท่าน

เพียงแค่เรื่องเดียวก็แตกแขนงออกมามากมาย หลายหัวข้อธรรมเรียนรู้อยู่ระยะหนึ่งจึงเข้าใจได้เลยว่า หลวงพ่อพุทธทาสมีหัวใจที่เข้าใจคำว่าพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งและอาจเป็นถึงที่สุด เรื่องที่เป็นไสยศาสตร์แบบสีลัพพตปรามาส ไม่มีให้ปรากฏเห็น เสกน้ำหมาก ขากน้ำมนต์ พ่นน้ำลาย ใครขืนทำโดนประณามแม่นแน่

เรื่องที่ท่านสอนแลดูชื่นชอบและตรงจริตนัก คือ เรื่องเซ็น ได้อ่านหนังสือที่ท่านแปล เว่ยหล่าง และฮวงโป ตลอดทั้งได้รับคำแนะนำให้ไปเดินในโรงมหรสพทางวิญญาณ  มีภาพเขียนต่างๆ มากมายที่เป็นคำสอนในเชิงเซ็น

แม้หลวงพ่อจะเป็นพระไทยในระบบเถรวาท แต่ท่านก็ชอบศึกษาแนวทางคำสอนของมหายานเช่นกัน อีกทั้งเป็นการศึกษาที่น้อมนำเอามาปฏิบัติเป็นการศึกษาเรียกได้ว่าระดับลึกซึ้งทีเดียว การศึกษาพุทธศาสนาทางด้านนิกายเซ็นนั้นจะเน้นลงทางด้านในจิตใจมากกว่าการยึดถือในทางพิธีกรรม

คราวหนึ่งท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ใกล้ชิดว่า “เพิ่งจะเข้าใจถึงความเป็นพุทธศาสนาเมื่อไม่นานนี้เอง”

ไม่ทราบว่าจะสื่อถึงอะไร แต่ผมก็เชื่ออย่างหนึ่งว่าหลวงพ่อพุทธทาสนำเอาความจริงที่สุดมาเผยแผ่ ให้คนไทยได้ตื่นฟื้นทางจิตวิญญาณมากกว่าแค่การหลงงมงายทางด้านบุญทานธรรมดาๆ พื้นฐานที่ในยุคนั้นวัดไหนๆ ก็สอนกัน

ใครที่ติดคิด ใครที่ติดในการพิจารณา ธรรมะของหลวงพ่อพุทธทาสนั้นเหมาะสมยิ่งนักเพราะจะทำให้เห็นความคิดเห็นสติปัญญาได้อย่างรวดเร็ว ในโรงมหรสพทางวิญญาณ มีภาพวาดมากมายอยู่เต็มไปหมด และเป็นภาพวาดที่เป็นสื่อสอนธรรมะ

หลวงพ่อเคยกล่าวว่า ไม่ได้ต้องการความสวยความวิจิตรของภาพแต่ต้องการสื่อให้เห็นถึงความหมายของภาพแต่ละภาพว่าสอนธรรมะอะไร  บางคนไม่เคยมีโอกาสได้ไป อาจจะนึกไม่ออก แต่ผมได้พบหนังสือดีเล่มหนึ่งที่รวบรวมภาพนั้นเอาไว้ ชื่อหนังสือ พุทธทาสกับเซ็น จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจ วางจำหน่ายพร้อมซีดี  ราคา 200 บาท นอกจากนี้ยังมีบทกลอนจากศิลปินแห่งชาติ อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เป็นผู้รจนาอีกด้วย

ใครชื่นชอบความเป็นเซ็น ใครชื่นชอบมหายานต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วจะเข้าใจว่าเซ็นสอนอะไร ความเป็นมหายานไม่ได้เน้นนั่งสมาธิให้จิตจมดับนิ่งเหมือนพระในสายเถรวาท ไม่ว่าจะเป็นมหายานนิกายไหนก็ตาม แม้แต่ของทิเบตเองไม่ได้เน้นสมาธิแบบบ้านเรา แต่เน้นสมาธิที่เฝ้าให้เห็นความคิดตัวเองจิตใจของตัวเอง เหมือนที่ศาสตราจารย์ ซัมดอง รินโปเช อดีตนายกรัฐมนตรีทิเบต (พลัดถิ่น) ท่านแรก และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงฆ์ทิเบต เมืองสารนาถ อินเดีย ท่านกล่าวเอาไว้ว่า

“การทำสมาธิ เป็นเรื่องธรรมดาของศาสนาส่วนมากแตกต่างกันในเทคนิค แต่มีเทคนิคที่ง่ายมากสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาและไม่ได้นับถือศาสนานั้นคือ การเฝ้าดูความคิด หรือจิต แค่เพียงการเฝ้าดูโดยใช้สติเต็มที่ ไม่ใช่ในฐานะผู้ที่กำลังคิด แต่เป็นผู้ดูจิต ส่วนหนึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ที่เฝ้าดู สังเกต กระบวนการคิดทั้งหมด นั่นจะทำให้เกิดปัญญา แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่ฝึกดูจิตอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง จะเป็นการปูทาง เพื่อตนเอง”

 หมดเวลาแล้วกับการกราบไหว้เพียงขอพร ทำบุญทำทานแบบคติความเชื่อที่ขาดปัญญา วัดบางวัดดันไปสร้างองค์เทพเทวาของต่างศาสนาให้คนกราบไหว้ พระผู้ใหญ่ตาบอดสีได้ฟังแต่เหมือนไม่ได้ยิน หากปล่อยเอาไว้ไม่ช้าไม่นาน ความเป็นพุทธศาสนาที่งดงามจะจางหายไป รีบปฏิรูปตัวเองกันเสียก่อนที่จะสิ้นศรัทธาจากมหาชน ถ้ายังมัวลุ่มหลงกระเดียดไปในยศช้างขุนนางพระ หายนะจะมาเยือนถึงกุฏิสักวัน