posttoday

รักษาศีล 5 ได้ เป็นเศรษฐี

13 พฤศจิกายน 2559

รักษาศีล 5 ได้อานิสงส์แน่ๆ คือความเป็นเศรษฐีเป็นคำพูดที่พระอาจารย์จาจอย กิตฺติปาโล เจ้าอาวาสวัดไทยวัฒนาราม

โดย...สมาน สุดโต

รักษาศีล 5 ได้อานิสงส์แน่ๆ คือความเป็นเศรษฐีเป็นคำพูดที่พระอาจารย์จาจอย กิตฺติปาโล เจ้าอาวาสวัดไทยวัฒนาราม ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก เทศน์โปรดญาติโยมทุกวันพระ ตามนโยบายคณะสงฆ์ที่ประกาศส่งเสริมหมู่บ้านรักษาศีล 5 ทั่วประเทศ ผู้คนรอบๆ วัด ที่เป็นทั้งชาวไทย ชาวกะเหรี่ยง ชาวมอญ และไทยใหญ่ จึงหันหน้าเข้าวัดและช่วยวัดสม่ำเสมอ

พระอาจารย์จาจอย ซึ่งเป็นพระไทย แต่สำเนียงการพูดหนักไปทางไทยใหญ่ ทำให้ฟังยาก เช่นเมื่อถามชื่อพระอาจารย์ก็บอกตามสำเนียงท้องถิ่น ผมก็เขียนไม่ถูก ท่านก็สะกดให้ฟังเป็นภาษาไทยว่า จ.จาไม้อี (เสียงตามเครื่องอัดเสียง) ฟังแล้วก็เขียนไม่ได้ ท่านจึงเขียนให้ว่า จาจอย กิตฺติปาโล คือ ชื่อพระอาจารย์ เจ้าอาวาส

วันที่ผมไปที่วัดคือวันที่ 23 ต.ค. 2559 วันโกนตอนเช้าได้ยินเสียงจากเครื่องขยายเสียง น่าจะเป็นภาษากะเหรี่ยง หรือไทยใหญ่ โดยมีผู้ชายชุดขาว หลายคน ใส่ทีเชิ้ต สกรีนคำว่าอุปะตะก่า วัดไทยวัฒนาราม แบ่งเป็น 3 คณะ อยู่เป็นกลุ่ม เพื่อเดินชักชวนคนทำบุญ โดยตีกังสดาลนำ เขาบอกว่าเป็นกิจกรรมทุกวันโกน

รักษาศีล 5 ได้ เป็นเศรษฐี พระพุทธรูปหินอ่อนในศาลา ศิลปะเมียนมา

 

พระอาจารย์จาจอย อายุ 66 ปี เจ้าอาวาสองค์ที่ 4 ของวัด บอกว่า ทุกวันโกนจะมีอุปะตะก่ามาช่วยงาน รวมทั้งหาเงิน หาปัจจัยมาช่วยวัด รุ่งขึ้นวันพระจะมีอุบาสกอุบาสิกาเต็มวัด เพื่อทำบุญและทำสมาธิบนศาลาใหญ่ แต่ละคนมาเอาศีล 5 ซึ่งพระอาจารย์จะเทศน์ให้ฟังว่าเอาศีล 5 แล้วเป็นเศรษฐีทุกคน

ถ้าใครไม่เชื่อก็ให้เอาศีล 5 ไปปฏิบัติ จะรู้เองว่าทำคนให้เป็นเศรษฐีได้ ศีล 5 ประกอบด้วย ปาณาติปาตา เวรมณี ห้ามเบียดเบียนและฆ่าสัตว์ทุกชนิด อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากลัก ขโมย และทุจริต ฉ้อโกง กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากประพฤติผิดผัวเมียคนอื่น มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากพูดจาโกหก หรือวจีทุจริต และสุราเมรยมัชชปมา ทัฏฐานา เวรมณี เว้นจากดื่มสุราเมรัย ยาเสพติด ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

พระอาจารย์ยังคุยให้ฟังว่าทั้งวัดมีพระภิกษุ 23 รูป สามเณร 23 รูป รวม 46 มีหน้าที่เรียนหนังสือ ทำสมาธิ บำเพ็ญภาวนา และช่วยงานวัดทุกอย่าง

รักษาศีล 5 ได้ เป็นเศรษฐี ถาวรวัตถุทางศาสนาพุทธแบบเมียนมาที่วัดไทยวัฒนาราม แม่สอด

 

ส่วนประวัติของวัดนั้น เว็บเพจแนะนำว่า วัดไทยวัฒนาราม แห่งนี้ เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายานของชาวไทยใหญ่ ศิลปะต่างๆ ที่ตกแต่งประดับประดาทั้งหลายแหล่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเมียนมาสร้างเมื่อปี 2400 โดย ม้ง เป็นชาวเมียนมารัฐฉาน ที่อพยพ ครอบครัวมาอาศัยอยู่ที่ อ.แม่สอด และได้เป็นผู้ใหญ่คนแรกของหมู่บ้านแม่ตาว ต่อมาได้รับพระราชทานนามว่า หมื่นอาจกำแห่งหาญ

ในปี 2500 ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศให้เป็นวัดพระพุทธศาสนาในสังกัดกรมศาสนา (ในขณะนั้น)

ที่สะดุดตาอันดับแรกที่เข้าวัดคือซุ้มประตูแบบเมียนมาที่มียอดเป็นชั้นๆ เหมือนปราสาท หรือวังของเมียนมาเข้าไปในวัดจะพบศาลาใหญ่ อุโบสถแบบเมียนมา สิงห์โตขนาดใหญ่ 1 คู่ แบบวัดในเมียนมาที่สร้างจากทองเหลืองงามสง่า ไม่ใช่แต่เท่านั้นยังมีหงส์คู่ ที่เห็นเป็นสัญลักษณ์เมืองหงสาวดีด้วย

บนศาลาที่ประชาชนมาทำบุญแน่นทุกวันพระ มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ล้วนแต่เป็นพระพุทธรูปหินอ่อนแบบเมียนมาทั้งสิ้น ศาลาเป็นอาคาร 2 ชั้น ด้านหน้าประดับด้วยปูนบั้นลายจำหลักไม้เสาของศาลาทุกต้นเป็นเสากลมประดับด้วยกระจกมีโลหะปิดทองลายก้านขดฝังด้วยเม็ดหยกภายในเป็นที่เก็บเครื่องโต๊ะบูชา ตู้พระธรรม เครื่องดนตรีที่เป็นศิลปะแบบเมียนมา

รักษาศีล 5 ได้ เป็นเศรษฐี คณะอุปะตะก่า ที่ช่วยวัดหาปัจจัยทุกวันโกน

 

ในวัดมีพระพุทธมหามัยมุนี ซึ่งเป็นองค์ที่จำลองมาจากมัณฑะเลย์ สหภาพเมียนมา เป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนศรัทธาเลื่อมใสกันมากประดิษฐานในวิหาร ที่มีลักษณะคล้ายพระราชวังของกษัตริย์เมียนมา คือมีหลังคาเรียงซ้อนลดหลั่นกันลงมา 7 ชั้น ชั้นสุดประดับด้วยฉัตรสีทอง สวยงามยิ่ง พระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอน)

ถัดจากพระอุโบสถเป็นศาลาเปิดโล่ง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอน) ขนาดใหญ่มีความยาว 93 ศอก สร้างด้วยปูนปั้นเป็นลักษณะของศิลปะเมียนมาใหญ่ที่สุดใน จ.ตาก และใหญ่เป็นที่ 2 ของประเทศรองจากพระนอนวัดพระนอนจักรสีห์ สิงห์บุรี

นอกจากนั้น ยังมีศาลาใหญ่เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ของวัด ผู้เขียนดูแต่ด้านนอก เพราะไม่มีเวลา เกรงว่าคณะที่ไปเมียนมาด้วยกัน ในนามชมรมโพธิคยาวิชชาลัย 980 ยังพักผ่อนที่โรงแรม
เซ็นทารา แม่สอด จะตามหา จึงไปสมทบ เพื่อเดินหน้าตามรายการของการสำรวจเส้นทางธรรมยาตรา วันสุดท้ายก่อนกลับ กทม.