posttoday

ชมรมโพธิคยาฯ จัดธรรมยาตรา 14 วัน 5 ประเทศ

06 พฤศจิกายน 2559

คณะกรรมการชมรมโพธิคยาวิชชาลัย 980 จัดทัวร์ธรรมะครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวดเดียว 13 คืน 14 วัน 5 ประเทศ

โดย...สมาน สุดโต

คณะกรรมการชมรมโพธิคยาวิชชาลัย 980 จัดทัวร์ธรรมะครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวดเดียว 13 คืน 14 วัน 5 ประเทศ วันที่ 10-23 มี.ค. 2560 ตามโครงการธรรมยาตรา 5 แผ่นดิน ตามรอยพระอริยสงฆ์ลุ่มน้ำโขง ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา

คณะกรรมการชมรมโพธิคยาฯ ที่มี ชัช ชลวร เป็นประธาน และสุภชัย วีระภุชงค์ เป็นเลขาธิการ พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษา ประชุมที่ห้องประชุมชั้น 8 บริษัท ไทยนครพัฒนา ถนนงามวงศ์วาน วันที่ 1 พ.ย. 2559 เพื่อฟังข้อมูลจากผู้แทนประเทศต่างๆ ที่มาประชุม ได้แก่ ผู้แทนสมเด็จพระสังฆราช สปป.ลาว ผู้แทนสมเด็จพระสังฆราช กัมพูชา ผู้แทนสงฆ์ (เถรวาท) เวียดนาม ผู้แทน จากเมียนมา ทั้งนี้โดยมี สมบัติ อยู่เมือง จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลและรายละเอียดแผนที่ลุ่มน้ำโขงที่โยงกับ 5 ประเทศ รวมถึงเส้นทางที่คณะธรรมยาตราจะเดินทางเข้าไปในแต่ละจุด ว่าอยู่ห่างกันแค่ไหน แต่ละจุดใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์นานเท่าไร

จุดประสงค์ของโครงการ คือ สร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศลุ่มน้ำโขงโดยใช้พระพุทธศาสนาเป็นตัวเชื่อม เนื่องจากแต่ละประเทศล้วนแต่รู้จักพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น แม้ว่าการปกครองบางประเทศจะเปลี่ยนไป แต่พระพุทธศาสนายังเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของประชาชนในประเทศนั้นๆ

ชมรมโพธิคยาฯ จัดธรรมยาตรา 14 วัน 5 ประเทศ หลวงพ่อนาคทีปะ สยาดอว์ กับประชาชนชาวมอญที่มารอรับตามสถานที่ต่างๆ

 

เพื่อให้เห็นความสำคัญแห่งธรรมยาตรา สุภชัย บอกว่า เมื่อเดินทางถึงสถานที่กำหนดไว้ในแต่ละประเทศ ต้องมีกิจกรรมที่เนื่องด้วยพุทธธรรมและศาสนพิธี เช่น พระสงฆ์ในคณะธรรมยาตราและญาติโยมต้องไหว้พระสวดมนต์ร่วมกับพระสงฆ์และญาติโยมในประเทศนั้นๆ ในขณะเดียวกันก็จะมีการศึกษาประวัติพระอริยสงฆ์ที่ยอมรับในแต่ละประเทศ พร้อมทั้งจัดเสวนาธรรมเป็นการสร้างความคุ้นเคย รุ่งเช้าพระสงฆ์ออกบิณฑบาต ทำกิจอย่างนี้ต่อเนื่องทุกวัน ทุกคืนตลอดเส้นทาง

ตามโครงการนั้น คณะธรรมยาตรา 120 ชีวิต ประกอบด้วย พระสงฆ์ 40 รูป ซึ่งจะเป็นพระสงฆ์ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา ประเทศละ 5 รูป ที่เหลือเป็นคณะสงฆ์จากประเทศไทย จะเปิดโครงการที่วัดบุรีรัฐ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นหมู่บ้านและวัดที่ ดร.พระมหาผ่อง สมาเลิก อดีตประธานองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว (อพส.) ถือกำเนิด และบรรพชาอุปสมบท เสร็จแล้วเดินทางตามรอยพระอริยสงฆ์ไปประเทศ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม จากนั้นเดินทางสู่เมียนมา ผ่านแม่สอด เมียวดี สุดทางวัดเจดีย์เซา (Kyaik Htee Saung) และพระธาตุอินทร์แขวน รัฐมอญ กลับมาปิดโครงการที่วัดสุวรรณภูมิ พุทธชยันตี จ.สมุทรปราการ วันที่ 23 มี.ค. 2560 โดย พระเทพโพธิวิเทศ หัวหน้าพระธรรมทูต สายอินเดีย-เนปาล

ผู้แทนสังฆราช สปป.ลาว และกัมพูชา เสนอแนะให้ชมรมโพธิคยาฯ ทำหนังสืออย่างเป็นทางการ ถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว พร้อมทั้งแจ้งวัตถุประสงค์และให้บอกไปว่า ชมรมโพธิคยาฯ ต้องการให้ประเทศที่ไปพักทำอะไรบ้าง ผู้แทนจากสังฆราช สปป.ลาว กล่าวว่า งานนี้สามารถเปิดตัวชมรมโพธิคยาฯ ให้รัฐบาล คณะสงฆ์ และประชาชนชาวลาว ได้รู้จักมากยิ่งขึ้น เมื่อทำครั้งแรกสำเร็จ ครั้งต่อไปทุกอย่างก็ง่ายแล้ว

ในขณะที่ผู้แทนพระสงฆ์จากเวียดนาม ให้ความเห็นว่า กิจกรรมที่ระบุนั้นทำได้หลายอย่าง เว้นแต่บิณฑบาตห้ามทำ ใครบิณฑบาตจะถูกจับ เพราะเจ้าหน้าที่ถือว่าเป็นพระปลอม ส่วนผู้แทนจาก
เมียนมาขอทราบเพียงข้อมูลว่า พระแต่ละประเทศจะร่วมโครงการจำกัดไว้กี่รูป ส่วนการประสานงานที่เมียนมาไม่น่าจะมีปัญหา เพราะพระเถระชั้นนำในประเทศรู้จักชมรมโพธิคยาฯ ดีอยู่แล้ว

ชมรมโพธิคยาฯ จัดธรรมยาตรา 14 วัน 5 ประเทศ สมบัติ อยู่เมือง (ซ้าย) และสุภชัย วีระภุชงค์ (ขวา) อธิบายแผนธรรมยาตรา

 

เรื่องตื่นตาในเมียนมา

เนื่องจากผู้เขียนร่วมคณะไปสำรวจเส้นทางในสหภาพเมียนมา จึงขอเล่าย่อๆ ดังนี้

ตามโครงการนั้น คณะธรรมยาตราไปเมียนมา ผ่านแม่สอด เมียวดี ปลายทางที่ไจโท ที่ตั้งพระธาตุอินทร์แขวน โดยผ่านเมืองพะอัน เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง จากเมืองนี้ใช้เวลาชั่วโมงเศษถึงเจดีย์โสณุตระ หรือโสณะอุตตระ พระเถระที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สุวรรณภูมิ ตั้งที่รัฐมอญ ที่นั่นเราพบหลวงพ่อพระอาจารย์นาคทีปะ สยาดอว์ วัดเจดีย์ซอง (Kyaik Htee Saung )

หลวงพ่อพาขึ้นภูเขาไหว้พระธาตุบนยอดเขา วิหารประดิษฐานหลวงพ่อมหามัยมุนี (จำลอง) ใช้เวลาที่นี่ประมาณ 30 นาที ก็ลงมาที่รับรองที่อยู่ถัดไปมีเจดีย์บรรจุพระธาตุของพระพุทธเจ้า สวดมนต์บูชาแล้วก็เดินทางต่อไปยังวัดเจดีย์ซอง (Kyaik Htee Saung) หรือเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า เส้นทางระหว่าง 2 เจดีย์สำคัญห่างกันประมาณ 30-40 กิโลเมตร นั่งรถยนต์ประมาณ 50 นาที

สถานที่ตั้งวัดเจดีย์ซอง ที่บรรจุพระเกศาธาตุนี้ ชาวเมืองให้การยอมรับนับถือว่าเป็นสถานที่ตั้งสุวรรณภูมิ โดยหลวงพ่อกล่าวว่าเจดีย์ทองที่เห็นงามอยู่นี้สร้างทับเจดีย์เก่าโบราณ โดยหลวงพ่อญาณทีปะ ที่มรณภาพไปแล้ว บูรณะขึ้นใหม่

หลวงพ่อนาคทีปะพาพวกเราชมสิ่งสำคัญในวัด รวมทั้งกราบศพหลวงพ่อญาณทีปะ ที่เก็บในโลงเย็น สภาพศพอยู่ในลักษณะเหมือนหลวงพ่อนอนจำวัด เส้นผมและหนวดยังงอกยาว คนพื้นเมืองและคนไทยไปกราบกันมาก

จากนั้นพาดูต้นมะพร้าวโทน สูงประมาณ 4-5 เมตร อายุประมาณ 20 ปี มีรั้วล้อมรอบ มะพร้าวต้นนี้มี 3 ยอดครับ น่าจะเป็นต้นเดียวในเมียนมา อัศจรรย์ยิ่ง หลวงพ่อกล่าวว่า เมื่อธรรมยาตรามาเดือน มี.ค. 2560 ก็จะทำกิจกรรมที่วัดนี้ก่อน

รุ่งขึ้นวันที่ 22 ต.ค. 2559 ไปบูชาพระธาตุอินทร์แขวน พวกเราในนามชมรมโพธิคยาฯ นิมนต์หลวงพ่อนาคทีปะเป็นประธานสวดมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระธาตุอินทร์แขวน น่าจะเป็นชาวไทยกลุ่มแรกที่ทำณ ที่ศักดิ์สิทธิ์นอกประเทศ ผู้ที่พบเห็นทั้งไทยและเมียนมา ต่างร่วมถวายสักการะและแสดงความไว้อาลัย ด้วยความรำลึกถึงอย่างหาที่สุดมิได้