posttoday

อย่าอคติแก่พระเถระ

18 กันยายน 2559

วันนี้จะเสนอคำพิพากษาของศาลทหารกรณีพระพิมลธรรม (อาจ) เผื่อจะกระตุกต่อมสติคนที่กำลังทำอะไรกับพระผู้ใหญ่ได้บ้าง

โดย...ส.คลองเตย

วันนี้จะเสนอคำพิพากษาของศาลทหารกรณีพระพิมลธรรม (อาจ) เผื่อจะกระตุกต่อมสติคนที่กำลังทำอะไรกับพระผู้ใหญ่ได้บ้าง

ก่อนที่พระพิมลธรรมจะถูกจับและถอดสมณศักดิ์ จนกระทั่งถูกคุมขังที่สันติบาลนานถึง 5 พรรษานั้น ท่านได้รับลิขิตสมเด็จพระสังฆราช วัดเบญจมบพิตร ลงวันที่ 8 ก.ย. 2503 มีความโดยสรุป ให้พระพิมลธรรมออกเสียจากสมณเพศและหลบหายตัวไปเสียจะเป็นการดีกว่าที่จะปรากฏโดยประการอื่นๆ เพื่อรักษาตัวท่านเองและเพื่อเห็นแก่วัดและพระศาสนา และขอให้ปฏิบัติการตามคำแนะนำนี้ภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันที่ปรากฏในลิขิตนี้ (ลงพระนาม) สมเด็จพระอริยวงศ์ ส.ร. (สมเด็จพระสังฆราช) แต่ท่านก็สู้แต่ก็สู้ไม่ได้ จึงเข้าห้องขังที่สันติบาลในที่สุด ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. 2505 ถึงวันที่ 30 ส.ค. 2509 เป็นเวลานานถึง 5 พรรษา หรือนับวันได้ 1,603 วัน เมื่อศาลทหารกรุงเทพพิจารณาตัดสินคดีพระพิมลธรรม (อาจ) วันที่ 30 ส.ค. 2509 คำพิพากษายาวมาก (หนังสือขนาด 16 หน้ายก ถึง 68 หน้า) จึงนำบทสรุปที่มีในตอนท้ายคำพิพากษามาให้อ่านดังนี้

ตามที่ศาลได้ประมวลวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามฟ้องและกล่าวหามาหลายข้อหลายประเด็นนี้ มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ก็ไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดๆ เลยพอที่จะชี้ให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำผิด หรือน่าจะกระทำผิด การจับกุมคุมขังจำเลยนั้นย่อมเป็นที่เศร้าหมองและน่าสลดใจในวงการคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนามาก

ท่านประธานศาลฎีกาก็ดี พระเถระผู้ใหญ่ฝ่ายโจทก์และจำเลยก็ดี ซึ่งเป็นพยานต่างกล่าวเป็นทำนองเดียวกันว่า จำเลยนี้เป็นผู้ประกอบแต่กุศลกรรม กระทำกิจพระศาสนาให้แผ่ไพศาลไปทั้งในประเทศและนอกประเทศ ทั้งในทางปริยัติศาสนาและปฏิบัติศาสนามีผลประจักษ์ชัดเป็นหลักฐาน ไม่เชื่อว่าได้กระทำผิดแต่กลับมาต้องถูกออกจากเจ้าอาวาส ถูกออกจากสมณศักดิ์ ถูกจับกุม ถูกบังคับให้สละเพศพรหมจรรย์นับว่ารุนแรงที่สุดสำหรับพระเถระผู้ใหญ่ที่ปวงชนเคารพนับถือ พระธรรมโกศาจารย์ถึงกับกล่าวว่าคิดได้อย่างเดียวว่า เกิดขึ้นเพราะความอิจฉาริษยาในวงการสงฆ์ หรือมิเช่นนั้นก็เป็นกรรมเก่าของจำเลยเท่านั้นเอง

พ.ท.ประเสริฐ สุดบรรทัด ผู้ฝักใฝ่ในธรรมผู้หนึ่ง กล่าวว่า ตามที่จำเลยต้องคดีนี้ได้สืบสวนด้วยตนเองทราบเบื้องหลังโดยตลอด แต่จะเบิกความก็เกรงจะกระทบกระเทือนแก่วงการภิกษุสงฆ์แลพระศาสนา ขอสรุปว่ามูลกรณีทั้งหลายตามที่ทราบความจริงมา จำเลยถูกกลั่นแกล้งโดยไม่เป็นธรรมจริงๆ ไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ดังนั้นจึงขอให้ระลึกว่าเป็นคราวเคราะห์หรือกรรมเก่าของจำเลยเอง หรือมิฉะนั้นก็เป็นการสร้างบาปกรรมของคนมีกิเลส ไม่ใช่ความผิดของผู้ใด แต่เป็นความผิดของสังสารวัฏเอง

ศาลนี้รู้สึกสลดใจและเห็นใจจำเลย สัตว์ทั้งปวงมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ทำกรรมไว้ดีหรือชั่วก็ตาม ก็จะเป็นกรรมทายาทรับผลของกรรมนั้น และคงจะอยู่ในคุณธรรมอันเป็นลักษณะของบัณฑิตในพระพุทธศาสนาสืบไป

อาศัยเหตุผลและดุลพินิจที่ได้วินิจฉัยมา จึงพร้อมกันพิพากษายกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป

ลงชื่อ พ.อ.ปาน จันทรานุตร ประธานตุลาการ พ.อ.มณีรัตน์ จารุจินดา ตุลาการพระธรรมนูญ น.ท.โปร่ง ชื่นใจ ร.น. ตุลาการ

พ.อ.มณีรัตน์ จารุจินดา เรียง พ.อ.อ.ขจาย ขจรเนติยุทธ์ พิมพ์ ทาน

ผู้ที่ทำร้ายพระพิมลธรรมมีอันเป็นไปต่างๆ สมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์ในห้องน้ำ พ.ศ. 2505 รุ่งขึ้น พ.ศ. 2506 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีถึงอสัญกรรม ไม่นับตำรวจที่เกี่ยวข้องประสบชะตากรรมแปลกๆ