สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ใจ ‘จตุพร’ จตุคามรามเทพปี’30
นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก จตุพร พรหมพันธุ์ หรือตู่ หนึ่งในแกนนำคนสำคัญของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
โดย...เอกชัย จั่นทอง
นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก จตุพร พรหมพันธุ์ หรือตู่ หนึ่งในแกนนำคนสำคัญของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. พื้นเพเป็นชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เขาแจ้งเกิดเวทีการเมืองจากการเป็นผู้นำนักศึกษา ช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 เมื่อเกิดการปราบปรามผู้ชุมนุม เสียงไฮด์ปาร์กบนเวทีกลายเป็นเครื่องผลักดันให้ชีวิต “จตุพร” ก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองไทยอย่างเต็มตัว ด้วยการสังกัดพรรคพลังธรรม
จากบทบาทแกนนำนักศึกษา บวกกับลีลาการเมืองที่จัดจ้านครบเครื่อง ทำให้วันนี้ชื่อ “จตุพร” กลายเป็นที่รู้จักติดปากติดหูประชาชนและนักการเมือง ชีวิตเขาผ่านสมรภูมิเวทีชุมนุมมามาย แต่เขาก็ยังเป็นแกนนำที่เรียกคะแนนเสียงจากผู้ศรัทธาอุดมการณ์เดียวกันได้อย่างดี
ประสบการณ์ความเก๋าเกมการเมือง กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จตุพร กล่าวยอมรับว่า ชีวิตผมเสี่ยงเรื่องความตายมาโดยตลอด โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์ชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ช่วงปี 2553 เป็นช่วงการชุมนุมที่มีการใช้อาวุธทำร้าย มีคนบาดเจ็บล้มตาย และตัวเองต้องขึ้นปราศรัยบนเวทีแต่ละครั้งนานนับชั่วโมง ยอมเป็นเป้านิ่งชั้นดี
“แต่เชื่อไหมมีลูกน้องที่ติดตามผมได้พูดคุยกับทหารบอกว่ามีการใช้มือสไนเปอร์เล็งมาบนเวทีในช่วงขณะที่ผมปราศรัยอยู่ แต่เขาบอกว่าไม่สามารถบอกเห็นเวทีได้ชัดเจนทุกอย่างพร่ามัวไป ทั้งที่ประสิทธิภาพปืนสูง ถือเป็นเรื่องน่าฉงน เราเข้าใจว่าเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่รอบๆ เวที ช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้จนทุกวันนี้”
ไม่นาน จตุพร เฉลยความลับเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น พร้อมหยิบยก “จตุคามรามเทพ” เนื้อผงขาว ปี 2530 ขึ้นโชว์ และบอกว่า จตุคามรามเทพองค์นี้มันพกติดตัวเป็นประจำหลายครั้งทำให้อุ่นใจ ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ บวกกับส่วนตัวพื้นเพเป็นชาวใต้ ซึ่งจตุคามฯ ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในท้องถิ่นจึงมีความผูกพัน ทุกเวทีการชุมนุมมันใส่กระเป๋าติดตัวเป็นประจำ นอกจากนี้ยังหยิบโชว์ “เหรียญกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” เนื้อทองคำ ปี 2535 ที่พกติดตัวเป็นประจำเช่นกัน
“ส่วนใหญ่จะพกใส่กระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อ เพราะแขวนไม่ไหวมีปัญหาเรื่องสุขภาพ สมัยก่อนแขวนคอไปหมด ช่วงหลังมาเลยต้องพกใส่กระเป๋าแทน ซึ่งก็รอดพ้นความตายมาตลอด เหมือนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือพกพาสร้างเซนส์ว่าเรื่องไหนควรจะไปหรือไม่ไป ผมจึงค่อนข้างเชื่อในความเร้นลับ”
จตุพร บอกอีกว่า แม้ผ่านความตายมาหลายครั้ง ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าจะโดนสอยวันไหนเช่นกัน เพราะต่อให้ป้องกันให้ตายถ้าคนจะลงมือจะรอดได้ไง เพราะระหว่างคนป้องกันกับคนกระทำยังไงก็ไม่ทันกัน พระให้ดีแค่ไหนถ้าอยู่กับคนไม่ดี ไม่รู้จักทำความดี ไม่ให้ทาน ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดไปคุ้มครองได้ และพึงคิดเสมอว่า “ถ้าเราทำสิ่งที่ไม่ดีมันก็ต้องสมควรตาย แต่ถ้าทำในสิ่งที่ดีก็ขอให้รอดพ้นแคล้วคลาด” แม้ที่ผ่านมาจะมีคนนำพระเครื่องหรือวัตถุมงคลดีๆ จำนวนมากมาให้ก็ตาม
“ผมไม่ได้มองสิ่งเหล่านี้เป็นมูลค่าทางการเงิน แต่ว่ามันเป็นมูลค่าทางจิตใจ เนื่องจากว่าเราไม่ได้มีไว้ในทางพาณิชย์ เสร็จสมรภูมิหนึ่งก็เก็บไว้ ไปอีกสมรภูมิก็เปลี่ยนแขวนไป เป็นมูลค่าทางจิตใจสิ่งหนึ่ง ทำให้เห็นว่าแคล้วคลาดมาได้ทุกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์”
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากมูลค่าราคาแพงและเงินที่มาเช่าซื้อบูชาไม่ได้มาอย่างสุจริต แล้วหวังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองไปซื้อมาโดยไม่สุจริตนั้นจะคุ้มครอง คนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะตายคาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่ได้มองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเคารพ แต่มองเป็นเรื่องของมูลค่าเพราะบุญกรรมซื้อขายกันไม่ได้
จตุพร กล่าวย้ำเจตนาส่วนตัวว่า ให้ระลึกเสมอว่าถ้าเราทำดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้มครอง แต่ถ้าเราไม่ทำความดีต่อให้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีมูลค่ามากเท่าไหร่ก็ตาม แต่ไม่สามารถจะคุ้มภัยกับสิ่งที่ทำไม่ดีได้ เพราะฉะนั้นความดีกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องอยู่คู่กัน ให้พึงระลึกในใจเสมอ จึงอย่าได้รั้งรอว่าจะทำอะไร แม้ชีวิตเราจะจบตอนไหนก็ตาม
