‘เพราะมีเป้าหมาย เจ้าชายจึงกลายเป็นพุทธะ’

โดย...ราช รามัญ

เจ้าชายสิทธัตถะ แม้จะโดนพระบิดาสุทโธทนะ ส่งเสริมเรียนรู้ศาสตร์แห่งการปกครองมากมายหลายอย่างจากคณาจารย์ ซึ่งก็สามารถเรียนได้ผลออกมาอย่างเป็นเลิศ แต่กระนั้นเจ้าชายก็เกิดความคิดอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ใช่สิ่งที่พระองค์พึงปรารถนา เพราะดูเหมือนว่าเป้าหมายของพระองค์มิได้อยู่ที่การขึ้นครองราชสมบัติ เบื้องลึกของหัวใจเจ้าชายไม่มีความปรารถนาในด้านความรุนแรง ไม่ปรารถนาที่จะเบียดเบียนชีวิตใครๆ เลย คัมภีร์เถรวาทบันทึกว่าพระองค์เสด็จออกนอกวังได้พบความจริงหลายอย่าง เช่น การเกิด แก่ เจ็บ ตาย และสมณะฉันนะ สารถีคู่พระทัย ตอบคำถามทุกอย่างที่เจ้าชายถาม ในสิ่งที่เจ้าชายไม่เคยทอดพระเนตรมาก่อน แม้หน้าที่ของผู้ปกครองบ้านเมืองนำพาประชาราษฎรให้มีความสุข ปราศจากความทุกข์ แต่เจ้าชายก็มองเห็นว่าแล้วไม่นานก็ต้องกลับมาทุกข์อีก เพราะไม่ใช่สุขแท้ จึงมีความคิดที่จะแสวงหาความสุขแท้มาบอกผู้คน โดยทรงเลือกเส้นทางของการเป็นนักบวช แม้จะมีเสียงคัดค้าน แต่ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ การออกจากวังไปในฐานะคนธรรมดา แสวงหาอะไรบางอย่าง ซึ่งก็ไม่รู้ด้วยว่ามีจริงหรือไม่กับสิ่งที่จะทำให้เกิดความสุขอย่างเป็นนิรันดรแท้จริง แต่ก็ทรงเลือกที่จะทำ และเป็นการทำโดยความชื่นชอบ ด้วยความสมัครใจ ด้วยความมุ่งมั่น เอาตัวของพระองค์เองเป็นห้องทดลอง ไม่ว่าจะทรมานกาย กัดฟัน ดันลิ้นขึ้นเพดาน อดอาหาร เพื่อแสวงหาอะไรบางอย่าง คือ เส้นทางแห่งความสุขอันเป็นนิรันดร

ผ่านกาลเวลาไป 6 ปี จึงทรงค้นพบหนทางแห่งความจริงอันยิ่งใหญ่ ที่จะนำมวลหมู่สัตว์ทั้งหลายก้าวข้ามไปสู่ความสุขนิรันดร ซึ่งทั้งสามโลก เรียกพระนามของเจ้าชายสิทธัตถะ ว่า “พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ” หรือพระพุทธเจ้า สมณโคดม

จากเรื่องราวของพระพุทธเจ้าในมุมนี้ ทำให้คิดได้ว่า จิตวิญญาณภายในของเราคนทุกคนเองต่างหากที่จะทำให้เราพบกับความสำเร็จตามที่เราตั้งเป้าหมายและมุ่งหวัง หาใช่สิ่งที่ถูกส่งเสริมแต่เพียงภายนอกอย่างเดียว หลายคนพึงอาศัยแต่พรแสวง แต่ไม่เคยได้สอบถามทวนความในใจของตัวเองเลยว่าเราต้องการอะไรกันแน่ ความสำเร็จของคนยุคนี้จึงไม่ปรากฏเป็นเด่นชัด เพราะไปเดินตามพรสวรรค์ของผู้อื่นที่คอยกำหนดให้อยู่ตลอดเวลา คนยุคนี้เห็นใครทำอะไรสำเร็จ ก็ไปก๊อบปี้ความสำเร็จของเขามา ไม่ว่าจะอาชีพใดๆ ก็ตาม มักจะเป็นเช่นนี้แล้วที่สุดก็ไม่สำเร็จ เห็นเขาขายกาแฟสดดี ก็อยากจะขายบ้าง เห็นเขาขายอะไรดีและคนนิยมก็แห่กันไปทำ ไปขายประกัน ไปขายตรง สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้จริงถ้าไม่ได้ออกมาจากเป้าหมายอันแท้จริงของจิตวิญญาณตัวเรา แต่เราไปตั้งเป้าหมายแค่เพียงต้องการให้เกิดรายได้ซึ่งหน้าเฉพาะหน้า หลายคนตั้งเป้าหมาย และทำตามคนอื่นไม่สำเร็จ หลายคนตั้งเป้าหมายแม้ว่าเป็นสิ่งที่ตนเองชอบ แต่ทว่าความอดทน ความเพียรมีน้อย จึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะว่าความหวังวิ่งแซงเป้าหมาย นอนคิดนอนฝันถึงวันแห่งความสำเร็จตลอดเวลา จิตไม่อยู่กับปัจจุบัน ในมุมทางโลกเขาจึงบอกว่า ถ้าหากหาตัวเองเจอได้เร็ว เราก็ย่อมจะสำเร็จได้เร็วเช่นกัน เหมือนที่เจ้าชายสิทธัตถะหาตัวเองได้เร็วว่าต้องการอะไรในวันที่วัย 29 ปี ก็ทรงมุ่งตรงไปในทางนั้นอย่างเด็ดเดี่ยว ตั้งมั่นไม่เปลี่ยน ทำอย่างสุดๆ เต็มที่ในสิ่งนั้น แม้ในบางครั้งพระองค์ทรงท้อพระทัยอยู่บ้าง แต่ก็หากำลังใจจากสิ่งรอบข้างด้วยการปรับทัศนคติให้ไปในเชิงบวก ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จตามที่พระองค์ปรารถนา

ลองกลับมาถามใจตัวเองกันดูว่าเป้าหมายของชีวิตเราแท้ที่จริงนั้นต้องการอะไรกันแน่ ที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ มีกิน มีใช้ มีความสุขอย่างแท้จริง อย่าปล่อยให้ตัวเองไหลผ่านข้ามกาลเวลา เพราะอัตภาพแห่งตัวตนนั้นกว่าจะได้มาถึงวันนี้มันแสนยาก เกิดมาทั้งทีต้องเอาดีให้ได้ สำเร็จให้ได้ กรรมเก่า ที่เราสร้างไว้ในอดีตย่อมจะเป็นกรรมดีที่มีมากกว่ากรรมชั่ว จึงส่งผลให้เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ดังนั้นเราจึงควรแสวงหาสิ่งที่ดีๆ ในตัวของเราในเชิงของความสามารถเอามาใช้ในการสร้างฐานะสร้างชีวิตให้สำเร็จมั่นคงอย่างมีเป้าหมาย อย่างมีทิศทางที่แน่ชัด บางคนชีวิตผ่านวัยกลางคนมาแล้ว ยังไม่รู้เลยตัวเองเกิดมาทำไม เกิดมาทำเพื่ออะไร และทำประโยชน์อะไรให้โลกนี้บ้าง...

ดังนั้น ใครที่ปรารถนาความสำเร็จแบบมีคุณธรรม ตามหลักพระพุทธศาสนา หรือต้องการให้ลูกหลานค้นหาตัวเองให้พบตั้งแต่ยังอายุไม่มาก ผมขอแนะให้ไปเข้าคลาสสัมมนา “ลมหายใจแห่งความสำเร็จ” ของอาจารย์น้ำตาล ภคพร จัดที่โพธาลัย เลียบทางด่วนรามอินทรา ในวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ย. สอบถามรายละเอียดที่โทร.06-3403-5588 หรือที่ ID Line : soul of success