posttoday

พระสงฆ์แน่นวัดสมเด็จช่วง

24 กรกฎาคม 2559

ท่ามกลางข่าวการกล่าวโทษที่ภาครัฐสาดใส่พระมหาเถระผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังราช อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

โดย...ส.คลองเตย

ท่ามกลางข่าวการกล่าวโทษที่ภาครัฐสาดใส่พระมหาเถระผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังราช อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ แต่พระสงฆ์ทั่วประเทศยังมาถวายสักการะ และทำสามีจิกรรมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์จนแน่นวัดปากน้ำ ตามประเพณี ซึ่งไม่มาก็ได้ ไม่มีใครนั่งจดใส่บัญชีไว้ล้างแค้นเหมือนในนิยายประเทืองอารมณ์ ในส่วนของฆราวาส ที่มีนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำสูงสุดของประเทศในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้นภารกิจในตำแหน่งมากมาไม่ได้ จึงให้ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สุวพันธ์ุ ตันยุวรรธนะ ไปสักการะแทน เป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรีไม่อยากสบตาพระมหาเถระระดับสูงก็ได้ เพราะปัญหาการตีความมติมหาเถรสมาคม (มส.) ยุติด้วยดีแล้ว แต่นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่เสนอชื่อเพื่อโปรดเกล้าฯ ถึงทุกวันนี้

วันที่ 22 ก.ค.หัวใจชาวพุทธทั่วไปเศร้าหมองมากขึ้น เมื่อผู้บริหารของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ได้ขยี้หัวใจชาวพุทธ ที่แถลงข่าวด้วยความภูมิใจถึงเรื่องการดำเนินคดีต่อผู้ครอบครองรถเก่า (ที่พยายามให้เป็นรถหรู) 2 คัน จากรถที่ว่ามีปัญหาร่วมหมื่นคันที่ DSI หรือ รมว.ยุติธรรม เคยแถลงว่า อยู่ในบัญชีรถผิดกฎหมายที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไม่เลือกปฏิบัติ แต่แถลงกล่าวโทษเฉพาะพระ 2 รูป คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และหลวงพี่น้ำฝน แห่งวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกร่วมหมื่นคันไปไหน

ข้อหาที่ DSI แถลงเป็นข้อกล่าวหาที่มีที่มาที่ไปเกี่ยวโยงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งสิ้น กล่าวคือ การตั้งข้อกล่าวหาว่าพระทั้งสองรูปสำแดงการนำเข้าอันเป็นเท็จ หลีกเลี่ยงภาษี มีการปลอมลายเซ็นผู้นำเข้าในการไปรับรถ เรื่องอย่างนี้ในวงการนำเข้าสินค้าไม่ว่าอะไรทั้งสิ้นที่จะต้องเสียภาษี ต่างก็รู้ว่าเป็นหน้าที่ของข้าราชการกรมศุลกากรที่ต้องตรวจสอบเรียกเก็บภาษีตามที่กฎหมายกำหนด และแน่นอนว่าร้อยละ 99 ของผู้นำเข้าต้องใช้บริการของบริษัทชิปปิ้ง เมื่อศุลกากรตรวจสอบความถูกต้องและจ่ายสินค้าให้ชิปปิ้งเสร็จสิ้นหลังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและภาษีต่างๆ แล้ว สินค้าส่งมอบให้ลูกค้าก็เป็นอันจบกระบวนการ

และแน่นอนว่าพระที่บวชเรียนมา 72 พรรษา อายุมากกว่า 91 ปี อย่างสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ย่อมไม่มีใครที่ใจบริสุทธิ์กล้าคิดว่าท่านจะหลบหนีภาษีเพื่อนำเข้ารถเก่ามาจอดในพิพิธภัณฑ์ของเขตภาษีเจริญ กทม. เพื่อให้ประชาชนได้ชม เพื่อการศึกษา ด้วยความเมตตา นอกจากคนที่มีอคติต่อท่านเท่านั้น

ส่วนข้อหาที่ 2 ที่ว่ามีการจดแจ้งต่อเจ้าหน้าที่อันเป็นเท็จ ซึ่งถ้าหมายถึงเจ้าหน้าที่ศุลกากร หรือเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกนั้น ก็ทำนองเดียวกัน คือผู้ซื้อรถหรือได้ครอบครองรถโดยสุจริตเพราะมีคนถวายให้ การจะหาคนที่จะไปดำเนินการจดทะเบียนรถเองนั้นยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร และการจดทะเบียนแต่ละครั้งเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกต้องเป็นผู้ตรวจสอบดำเนินการจึงจะออกทะเบียนรถให้ได้

พระเถระอย่างสมเด็จฯ จะคิดคดโกงหลวงถึงขั้นลงทุนโกหก เพื่อเอารถมาให้พิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นวิทยาทานทีเดียวหรือ เพียงแต่ว่ารถเก่าคันนั้นมีชื่อผู้ครอบครองที่ DSI ต้องดำเนินคดีให้ได้ เป็นพระเถระที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช เพื่ออะไรก็น่าจะเดาได้ ...จึงน่าห่วงที่สมเด็จฯ ผู้อยู่ในร่มธรรมมาตั้งแต่อายุไม่ครบบวชจนอายุใกล้ร้อยปี ถูกคนที่อยู่ในโลกแห่งกลเกมศึกที่ศีล 5 ไม่น่ารักษาได้ครบ ทำให้หม่นหมอง

แม้จะถูกกระทำให้หม่นหมอง แต่พระมหาเถระอย่างสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ยิ่งตียิ่งดัง พระสงฆ์ทั้งประเทศยังถวายความเคารพเหมือนเดิมและยิ่งกว่า วันนี้ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จึงเต็มไปด้วยผู้เคารพนับถือในสมเด็จฯ... แม้ DSI หรือนายกรัฐมนตรีจะแสดงออกมาอย่างไรก็ตาม