posttoday

ยลพระเครื่อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ‘ใส่พระดีแค่ไหนก็ไม่รอด’

24 กรกฎาคม 2559

หากพูดถึงฉายา “มือปราบตงฉิน” เชื่อว่าหลายคนรู้ว่าเป็นใคร “บิ๊กตู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

โดย...เอกชัย จั่นทอง ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

หากพูดถึงฉายา “มือปราบตงฉิน” เชื่อว่าหลายคนรู้ว่าเป็นใคร “บิ๊กตู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. ย้อนไปสมัยรับราชการตำรวจเขามีผลงานที่ลือชาขึ้นชื่ออยู่หลายครั้ง จับกุมปราบปรามผู้มีอิทธิพลทำผิดกฎหมายนับไม่ถ้วน แม้แต่นักการเมือง ยิ่งสมัยเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 2 เขาสร้างวีรกรรมไว้น่าสะพรึง ได้ประกาศชนกับเจ้าพ่อภาคตะวันออก อย่าง “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม ในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะที่เขาไม้แก้ว

นอกจากนี้ ยังมีชื่อเสียงและได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า “วีรบุรุษนาแก” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผกก.ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม จับกุมข้าราชการระดับสูงในจังหวัด ทั้งยังปราบปรามคอมมิวนิสต์ หรือสมัยเป็นผู้บังคับการกองปราบปราม ถูกวางระเบิดถึงห้องทำงาน ผลจากการปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา              

ส่วนหนึ่งของชีวิต พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้โลดแล่นเฉิดฉายสร้างวีรกรรมผลงานบนเส้นทางดาวเงิน ผลิดอกออกผลทำชื่อเสียงให้กรมตำรวจจนเป็นที่พึ่งหวังของประชาชน สุดท้ายเขาทิ้งผลงานและต้นแบบการทำงานไว้หลังถอดหัวโขนในนามเรียกขาน “พิทักษ์ 1” แต่ในสายเลือดมุ่งหวังให้นายตำรวจรุ่นหลังนำแนวการทำงานไปประยุกต์ใช้ ในฐานะ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” 

แน่นอนว่าเส้นทางชีวิตตำรวจของ “เสรีพิศุทธ์” ผ่านร้อนผ่านหนาว ผจญเผชิญบุกป่าฝ่าดงทุกรูปแบบ สารพัดปัญหาไม่อาจกล้ำกรายตัวเขาได้ แล้วสิ่งใดกันที่คอยหนุนนำให้ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาผ่านพ้นไปดั่งลมพัดผ่าน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดใจเล่าผ่านแววตาที่มุ่งมั่นว่า เป็นความเชื่อของคนไทยไม่ว่าตำรวจ ทหาร เวลาไปรบต้องมีพระห้อยติดตัวไม่มากก็น้อย ส่วนตัวสมัยเป็นนายตำรวจใหม่จะห้อยพระติดตัว 5 องค์ แต่จำได้เพียง 3 องค์ คือ พระหูยาน ลพบุรี ซุ้มกอ และพระท่ากระดาน ปราบปรามคอมมิวนิสต์ ดวลปืนในป่ากับโจรมาสารพัด ลุยป่าฝ่ากระสุนปืนปราบปรามจับคนร้าย ปลิดชีวิตคนเลวมาก็มาก แต่ทุกเหตุการณ์ก็แคล้วคลาดปลอดภัยมาตลอด

กระทั่ง สมพร กลิ่นพงษา อดีต ผวจ.นครพนม ประสบเหตุเครื่องบินตก ผู้โดยสารส่วนใหญ่เสียชีวิต แต่สมพรรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ และด้วยความรักใคร่ “เสรีพิศุทธ์” จึงยกสร้อยพระ 5 องค์ที่เคยใส่สมัยรับราชการตำรวจอยู่ที่ จ.นครพนม มอบให้กับผู้ว่าฯ สมพรเพื่อเป็นกำลังใจ หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้ห้อยพระเลย

จวบจนมีผู้ใหญ่ที่เคารพรักมอบพระเครื่องให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ 1 องค์ เพื่อไว้บูชา ตั้งแต่นั้นเขาสวมใส่สร้อยพระสลับกับถอดเก็บไว้มาตลอดหลายสิบปี นั่นคือ “พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม” ซึ่งเคยมีเซียนพระเสนอให้ราคาของเช่าซื้อถึง 50 ล้านบาท แต่ถูกอดีตนายตำรวจ “มือปราบตงฉิน” ปฏิเสธไป 

ยลพระเครื่อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ‘ใส่พระดีแค่ไหนก็ไม่รอด’

 

“ตั้งแต่แขวนพระองค์นี้มาไม่เคยมีใครมาทำอะไรพี่ได้สักที อาจจะมีปัญหา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้”

นอกจากนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกเหตุผลที่ต้องถอดสร้อยพระเก็บไม่ใส่ตลอดเวลา ว่า “เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าพระคุ้มครองเรา หรือเราคุ้มครองพระ แต่คนไทยกับศาสนาพุทธเป็นเรื่องสำคัญตัดไม่ขาด จะบอกว่าไม่เชื่อเลยเดี๋ยวจะมองไม่ใช่คนไทย ยอมรับดูพระไม่เป็น ใครให้มาบอกว่าดีก็เลือกใส่เอา ส่วนตัวไม่ได้ยึดถือเรื่องนี้มากนัก”

บทสนทนาหมุนเดินตามเวลาต่อไป อดีตมือปราบตงฉินได้สะท้อนความเห็นส่วนตัวว่า จริงแล้วไม่เชื่อว่าพระจะคุ้มครองเรา แต่มันเป็นความเชื่อของคนทั่วไป “จึงคิดอยู่ในใจต้องมีพระที่ดี มีพุทธคุณ หรือเป็นที่นิยม หรือที่ไม่นิยมอาจเป็นพระปลอม พระเก๊ ได้ มันห้อยไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าเป็นพระที่ดี นิยม ผ่านการคัดเลือกมาแล้วก็ถือว่าเป็นกำลังใจ”

เหมือนอดีตที่ผ่านมาโดนการเมืองเล่นงานมานับไม่ถ้วน ผ่านมรสุมมาได้หมด ซึ่งเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตจะเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ให้ใส่พระดีแค่ไหน หรือพุทธคุณแคล้วคลาด ยิงไม่เข้า ฟันไม่ออก ยังไงก็ไปไม่รอด ถ้าขาดความซื่อสัตย์สุจริต

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังเล่าว่า มีคนเคยดูดวงดูให้จากวันเดือนปีเกิด บอกว่า ยังไงก็ไม่ตายโหง ฉะนั้นก็เป็นทั้งความเชื่อและดวงประกอบกัน โดยเฉพาะคนที่เคยดูว่าเราไม่ตายโหง เลยทำให้บุกป่าฝ่าดงเข้าไปปราบปรามคอมมิวนิสต์ หรือคนร้ายอย่างไม่กลัวความตาย

อดีตนายตำรวจใหญ่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฝากหลักคิดหลักทำงานที่เขาแน่วแน่ทำมาตลอดให้พี่น้องสีกากีได้ฉุกคิดว่า “การใช้สติสัมปชัญญะ ความรอบคอบ ประสบการณ์ ความรู้ มาใช้ดำรงชีวิต ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และคุ้มครองตัวเราให้อยู่รอดปลอดภัย ปราศจากภยันตรายทั้งหลาย และเป็นเกราะคุ้มกันให้รอดพ้นจากการถูกกลั่นแกล้งทุกด้าน”