กฎแห่งกรรมจะทำหน้าที่

โดย...ส.คลองเตย

คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความขั้นตอนการเสนอชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่อาวุโสโดยสมณศักดิ์ ว่า ไม่ขัดตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 เมื่อประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) วันที่ 11 ก.ค.ผู้เกี่ยวข้องแถลง รวมทั้งนายกรัฐมนตรี รุ่งขึ้นวันที่ 12 ก.ค. 2559 นสพ.หลายฉบับ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เสนอข่าวหน้าหนึ่งคล้ายคลึงกันว่า นายกรัฐมนตรีไม่เสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นสังฆราชองค์ที่ 20 เพราะเกรงปัญหาความไม่สงบจะเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่คณะกรรมการ มส.มีมติเป็นเอกฉันท์ในการเสนอชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์แล้วก็ตาม

ท่าทีของนายกรัฐมนตรีได้ใจคนกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ทำให้คณะสงฆ์ส่วนใหญ่เสียกำลังใจ ยังเคารพนับถือสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ไม่ยิ่งหย่อนกว่าเดิม ไม่เชื่อให้ตามไปดูที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในช่วงสัปดาห์แรกการเข้าพรรษา (หลังวันที่ 21 ก.ค. 2559) จะเห็นพระเถรานุเถระประคองธูปเทียนแพไปถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชอย่างที่เคยปฏิบัติมาจนเต็มวัดโดยไม่มีข้อกังขา แม้ว่านายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีทีท่ายึกยัก อ้างโน่นอ้างนี่ ไม่ยอมนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ก็ตาม

อยากถามผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ชิ้นส่วนรถเบนซ์โบราณมีความสำคัญขนาดชี้ขาดความเป็นสมเด็จพระสังฆราชได้เชียวหรือ เรื่องชิ้นส่วนรถแบบนี้ ถ้านักการเมืองได้ฟังก็หัวเราะ ว่ากระจอก ไม่ใช่คดีร้ายแรงใดๆ เลย การที่อ้างสารพัดปัญหาแล้วเก็บเรื่อง ภาษาการเมืองว่าเจตนาเตะถ่วง หรือนายกรัฐมนตรีเชื่อพระรูปหนึ่ง ที่สึกแล้วบวช บวชแล้วสึก ที่กำลังมีพฤติกรรมว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ที่ไปซื้อที่ดินในเขตป่าสงวนป่าแม่ขานและป่าแม่วาง จ.เชียงใหม่ 300 ไร่ เมื่อจับได้ไล่ทันก็ไปแจ้งความให้กรมป่าไม้ดำเนินคดีตัวเอง เป็นการรับสารภาพว่าผิดไปแล้ว สมมติว่าพระรูปนี้เข้าไปในโบสถ์ที่สมภารกร่าง ในเรื่องไผ่แดงเคยอยู่ อาจได้ยินเสียงพระประธานพูด ว่าดูกรภิกษุ อันที่ดิน 300 ไร่นั้น มีราคาเกินกว่า 5 มาสก วิญญาณปู่ในร่างไม่บอกหรือไร ว่าภิกษุมีเจตนาทำแบบนี้จะมีโทษหรืออาบัติอะไร

ถึงวันนี้ไม่อาจทราบได้ว่าเครดิตพระรูปนี้ยังอยู่ในใจนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แม้ว่าในอดีตพฤติกรรมพระรูปนี้เป็นผู้นำม็อบกดดันให้การบริหารงานของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นชะงักงัน จน คสช.เข้ามายึดอำนาจก็ตาม 

นอกจากนั้น ยังเคยยกเรื่องเงินประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชมากล่าวหาสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ในทางเสียหาย แต่พูดไปพูดมาก็ต้องหยุดกลางคัน เพราะไปกระทบรูปอื่น แต่ก็หาได้หยุดยั้งที่จะสร้างความระคายเคืองต่อพระภิกษุสงฆ์ผู้มีสมณศักดิ์สูง เพียงเพื่อสกัดไม่ให้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชอย่างไม่เกรงกลัวบาปกรรม เช่น กระตุ้น DSI ดำเนินคดีเรื่องรถเบนซ์โบราณที่มีผู้ซื้อถวาย ว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ทำผิด ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง DSI ควรไปหาความคนขายรถ หรือผู้ซื้อรถถวาย หรือแม้แต่ขายให้ก็ตาม มิใช่จ้องหาความกับพระผู้ใหญ่อายุ 91 ปี อย่างสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ บาปกรรมจริง

สุดท้าย ขอเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาการตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 จะได้หมดเรื่องไม่ต้องเสียเวลา...ส่วนผู้กระทำต่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์นั้น ก็ให้กฎแห่งกรรมทำหน้าที่ต่อไป