posttoday

ประชุมจัดงานมาฆบูชาปี’๕๙ ที่พุทธคยา อินเดีย!

24 มกราคม 2559

อาตมาเดินทางมาร่วมประชุมกับคณะสงฆ์นานาชาติ/พุทธคยา อินเดีย ณ มหาโพธิสมาคมฯ

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

อาตมาเดินทางมาร่วมประชุมกับคณะสงฆ์นานาชาติ/พุทธคยา อินเดีย ณ มหาโพธิสมาคมฯ ที่สนับสนุนการจัดงานมาฆบูชามาอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ ๗ ใน ๒๕๕๙ นี้

ในปีนี้คงจะมีบุคคลสำคัญระดับสูงของประเทศไปร่วมงาน เพื่อการเฉลิมฉลองมาฆบูชาปีนี้ ที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ โดยเฉพาะการวางมงคลฤกษ์ กำหนดเขตอุโบสถ ณ ลานหินอ่อนโอวาทปาติโมกข์ เพื่อเป็นสถานที่กระทำสังฆกรรมของคณะสงฆ์

การจัดงานในปีนี้ได้รับความสนใจจากชาวพุทธในอินเดียสูงมาก มีการเตรียมตัวเดินทางมาร่วมงานกันแต่เนิ่นๆ ภายใต้การนำของประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. แห่งรัฐบาลของรัฐมหาราษฏระ อินเดีย โดยจะมีผู้ว่าราชการรัฐพิหาร และรัฐมนตรีในรัฐบาลแห่งรัฐพิหาร มาร่วมงานเพื่อถวายการต้อนรับ... ดังที่มีการกำหนดรายการไว้อย่างชัดเจน

ในส่วนของทางฝ่ายไทยเรา ในปีนี้ได้อาราธนานิมนต์ พระเทพโพธิวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา/อินเดีย เป็นประธานการจัดงานฯ ฝ่ายคณะสงฆ์ไทยในอินเดีย-เนปาล โดยจะมีพิธีการเปิดป้ายวัดไทยสิริราชคฤห์ และอธิษฐานเขตอุโบสถ ปิดทองลูกนิมิตด้วย จึงเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรกับงานมาฆบูชาครั้งที่ ๗ ณ เวฬุวันมหาวิหาร แห่งพระนครราชคฤห์ แคว้นมคธ ในปีนี้

จากการประชุมร่วมกับคณะสงฆ์นานาชาติ พุทธคยา/อินเดีย ซึ่งได้รับความร่วมมือด้วยดีที่จะสนับสนุนการจัดงานดังเช่นเคย เมื่อ ๒๒ ม.ค. ๒๕๕๙ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐-๑๗.๐๐ น. อาตมาได้กล่าวต่อที่ประชุม มีสาระโดยสรุปที่ควรนำมาเผยแพร่เพื่อสาธุชนได้อนุโมทนาดังนี้...

“การจัดงานมาฆบูชาจึงเป็นการมองเข้าไปถึงจุดสำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนา ในระยะเวลายาวนาน ๒,๖๐๐ กว่าปี เพราะเราไม่สนใจ เพราะเราไม่เข้าใจ เพราะเราไม่จริงใจกับพระโอวาทปาติโมกข์ วันนี้คณะสงฆ์ทั่วโลกจึงมีปัญหา เป็นปัญหาที่เสื่อมถอยจากพระธรรมวินัย

ฉะนั้น การที่เราพยายามจัดงานนี้ จึงไม่ใช่เราต้องการจัดงาน แต่เราต้องการให้คณะสงฆ์ทุกชาติทุกนิกายได้หันกลับมาสนใจความหมายธรรมในวันสำคัญของงานมาฆบูชาต่างหาก ดังที่เมื่อปีที่แล้วที่เราจัดขึ้น มีการประชุมคณะสงฆ์นานาชาติที่พุทธคยา มหาโพธิสมาคมของอินเดีย ภายใต้การนำของท่านสีวลีเถระในครั้งที่แล้ว

และเราก็ได้ไปประชุมกันเพื่อประกาศอุดมการณ์ธรรมที่เวฬุวันมหาวิหาร ในการเฉลิมฉลองวันมาฆบูชา พ.ศ. ๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓ มี.ค. ๒๕๕๘ มีใจความสำคัญว่า...

... อาตมาอยากเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นในมาฆบูชาปีนี้ จึงมาพบปะกับท่านทั้งหลาย เพื่อเชิญชวนท่านทั้งหลายได้เข้าสู่เทศกาลมาฆบูชาอย่างสมบูรณ์พร้อม ในฐานะของความเป็นพระสงฆ์สาวกในพระพุทธศาสนา เป็นพระสงฆ์สาวกในความเป็นพระธรรมวินัยเดียวกัน แม้เราจะต่างนิกายกัน ด้วยความเคารพรักต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยหัวใจที่เหมือนกัน

แม้เราจะต่างสีผ้า เราจะต่างนิกาย ไม่ใช่สาระ แต่เราจะไม่ต่างใจกัน ภายใต้ความรักบูชาพระโอวาทปาติโมกข์ ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นพระสงฆ์ในพระศาสนา และเราจะถ่ายทอดความรู้สึกดังกล่าวนี้ไปสู่มหาชนศาสนิกชนทั้งหลายที่เขาเดินทางตามพวกเรามา เพื่อถวายความเคารพสักการะอันสูงสุดต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์

พระโอวาทปาติโมกข์นั้นเป็นหัวใจสำคัญยิ่งต่อการสถาปนาสังฆมณฑลให้เข้มแข็ง มั่นคง ยั่งยืนสืบเนื่อง

นั่นหมายถึงว่า เมื่อคณะสงฆ์หรือสังฆมณฑลเข้มแข็งสืบเนื่องมาถึงปัจจุบันได้ พระธรรมวินัยหรือคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้น ก็ยังสืบเนื่องอย่างมั่นคงเข้มแข็งต่อไปอย่างแน่นอน

และหมายถึง อายุพระพุทธศาสนายังยั่งยืนสืบต่อไปในโลกนี้ตราบนานเท่านาน งานเทศกาลมาฆบูชาจึงเป็นงานสืบอายุพระศาสนาอย่างแท้จริง...”

เจริญพร