posttoday

ภาวะจิตสำนึกไร้คุณธรรม ศัตรูของสังคม...ประเทศชาติ!

18 ตุลาคม 2558

เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา มีปุจฉาในเรื่อง เหตุการณ์จลาจลของประชาชนกลุ่มหนึ่ง

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา มีปุจฉาในเรื่อง เหตุการณ์จลาจลของประชาชนกลุ่มหนึ่ง จนเลยเถิดไปทำลายทรัพย์สิน เผาสถานีตำรวจภูธร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่า ใครควรรับผิดชอบ...

ก่อนอื่นต้องกลับมาทบทวนความรู้ใน “พุทธศาสตร์” ว่า กระบวนการเพ่งพินิจพิจารณาจนเกิดความรู้ถูกต้องตรงธรรมหรือเกิดปัญญาขึ้นนั้น จะต้องใช้หลักการสืบสวนสอบสวนจากผลไปหาเหตุ หรือสืบสาวจากเหตุมาหาผล... โดยต้องยึดสัจธรรมที่ว่า ธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นจากเหตุ...

เมื่อเข้าใจสัจธรรมตรงกัน ก็ลองมาเพ่งพินิจพิจารณาตัวปัญหาดังกล่าว ว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร... ก็จะพบเหตุและปัจจัยหลายตัวมาประกอบกัน จนแสดงความเป็นเหตุปัจจัยของปัญหา หรือเรื่องราวนั้นๆ

ตรงนี้แหละที่จะต้องเพ่งพินิจลงไปเพื่อสืบสาวสอบสวนปัญหานั้นๆ ด้วยจิตใจที่มีสติปัญญา เพื่อหยั่งเห็นลงไปในความจริงได้อย่างถูกต้อง จนเข้าใจตรงตามความจริงว่า ที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะอะไรเป็นเหตุปัจจัย...

เมื่อเข้าใจถูกต้องตรงตามธรรม... การคิดอ่านแก้ไขโดยธรรมวิธี ก็ย่อมจักเกิดขึ้นและเป็นไปได้ เพื่อดับปัญหาเหล่านั้นได้ตรงจุด... ตรงเหตุแห่งปัญหา ไม่ฝังกลบเพาะบ่มเชื้อปัญหาเหล่านั้นไว้ รอการแตกตัวของปัญหาสืบต่อไปข้างหน้า

การคิดอ่านด้วยกระบวนการทางปัญญานั้น เป็นการพินิจพิจารณาอย่างจำแนกแจกแจงลงไปในทุกมิติของปัญหา ด้วยภาวะจิตสำนึกของผู้คิดอ่านที่มีคุณธรรม โดยยึดหลักพรหมวิหารธรรมเป็นพื้นฐาน

เมื่อพรหมวิหารเข้ามาอบรมจิต ความคิดก็ติดคุณธรรม จริยธรรมก็จะก่อเกิดขึ้น บนพื้นฐานของศีลธรรม... ขนบธรรมเนียมประเพณี และกฎหมาย... นั่นหมายถึง ผู้คิดอ่านทำกิจการนั้นก็จะเป็นผู้ที่ทำงานอย่างปราศจากโทษทั้งปวงทันที

กลับมาพิเคราะห์เรื่องราวของชาวบ้าน... ตำรวจ และปัญหาที่เกิดขึ้น จนนำไปสู่การสืบต่อปัญหาให้เลยเถิดข้ามกรอบ กฎศีลธรรม กฎสังคม และกฎหมาย ซึ่งคงไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ปกติโดยทั่วไปอย่างที่เจ้าหน้าที่ทุกระดับ ผู้รับผิดชอบต่อบ้านเมืองทุกฝ่าย พึงรีบด่วนสรุปเพื่อจะได้ปิดเรื่องราวดังกล่าวโดยเร็ว... อย่างที่เคยทำกันมาจนเคยตัว...

แน่นอน กระทำผิดกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกระบวนการสืบสวน-สอบสวนของฝ่ายบ้านเมือง เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดตามกรรม... ตามวาระนั้นๆ มาลงโทษ จะมิได้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป... แต่นั่นเป็นเพียงมุมมองของกฎหมายที่อยู่ในมือของบุคคลที่มีหน้าที่ อันเป็นมิติหนึ่งด้านของการแก้ไขปัญหา ซึ่งในกระบวนการยุติธรรมจะต้องคำนึงถึงมิติด้านอื่นด้วย โดยเฉพาะจริยธรรมและคุณธรรม...

ตรงนี้แหละคือปัญหาของสังคมไทยตลอดกาล ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ด้วยบุคคลในสังคมโดยเฉพาะผู้มีหน้าที่ทุกลำดับ ยังขาดมิติของจริยธรรมและคุณธรรม เสริมสร้างเข้าไปในความรู้ เพื่อพัฒนาความคิดให้มีธรรม เมื่อความรู้ไม่มีคุณธรรม... การแสดงออกเชิงพฤติกรรมจึงมีปัญหา... ปัญหาจึงก่อเกิดขึ้นใน ณ จุดๆ นี้ของทุกเรื่องแห่งปัญหาที่สืบต่อไม่รู้จบ... ไม่รู้สิ้น

หากมีคำถามในเชิงจริยธรรมว่า... ผลแห่งการจับกุม จึงนำไปสู่ความตายของเด็กผู้ชายสองคน... นั่นควรหรือ... เป็นที่สุดแห่งวิธีการแล้วหรือ... เหตุเกิดขึ้นแล้ว ผู้รับผิดชอบระดับสูงได้รีบเร่งใส่ใจเข้าไปดูแล เพื่อยับยั้งวงของปัญหามิให้ลุกลามและหาวิธีการดับปัญหาหรือไม่... และเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว การใส่ใจแก้ไขปัญหาอย่างมีเมตตาธรรมต่อกันในทุกฝ่าย เกิดขึ้นหรือยังในจิตใจของบุคคลผู้รับผิดชอบต่อปัญหา โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวเนื่องในกระบวนการให้ความเป็นธรรมกับสังคม มิใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงส่วนเดียว...

เจริญพร