posttoday

หัวใจพระพุทธศาสนา

09 สิงหาคม 2558

หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นศิษย์รูปสำคัญรูปหนึ่งของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ

โดย...หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม

หมายเหตุ : หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นศิษย์รูปสำคัญรูปหนึ่งของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ คณาจารย์สายพระกรรมฐานเชื่อกันว่าท่านเป็นพระอรหันต์ร่วมยุครูปหนึ่งในสมัยของเรา ชื่อเสียงของหลวงปู่ตื้อเป็นที่จดจำในฐานะพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ เป็นผู้เลิศในทางฤทธิ์ผู้หนึ่งและมีลีลาแสดงธรรมที่ตรง ดุเด็ด เผ็ด มัน แม้จะมีเนื้อหาการแสดงธรรมะของท่านตกทอดข้ามวันเวลามาอยู่บ้าง แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก เทศนาเรื่อง “หัวใจพระพุทธศาสนา” เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เพื่อรักษาธรรมเทศนากัณฑ์นี้ให้ปรากฏสืบเนื่องไป จึงขอนำมาตีพิมพ์เป็นตอนๆ ต่อเนื่องจนสิ้นความ ดังมีเนื้อหาโดยละเอียดดังนี้

นะโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

“จิตดวงเดียวแสดงเป็นสี่ พระโสดามรรคก็จิตดวงเดียวนี้แหละ พระสกิทาคามรรคก็จิตดวงเดียว พระอนาคามรรคก็จิตดวงเดียว พระอรหันตามรรคก็จิตดวงเดียว ที่ว่าเป็นสี่นี้ ว่าตามธาตุ ตามวิญญาณ ธาตุก็สี่ วิญญาณก็สี่ ได้ชื่อว่าจิตตานุปัสสนากับจิตแยกออกจากกันไม่ได้ หูกับจิตออกจากกันไม่ได้ จมูกกับจิตออกจากกันไม่ได้ ปากกับจิตออกจากกันไม่ได้ ส่วนตาไม่ใช่จิต เรียกว่าวิญญาณตา หูก็ไม่ใช่จิต เรียกว่าวิญญาณหู จมูกก็ไม่ใช่จิต เรียกว่าวิญญาณจมูก ปากก็ไม่ใช่จิต เรียกว่าวิญญาณปาก จิตเราจะไปไหน ไปทำบุญหรือทำบาป ก็ต้องอาศัยวิญญาณตา จะดูรูปก็ต้องอาศัยตา จะฟังเสียงร้องรำทำเพลงเพื่อให้เพลิดเพลิน ก็ต้องอาศัยวิญญาณหู เป็นผู้ฟังว่าจะเพราะพริ้งเพียงไร จิตเป็นผู้รู้ จะดมกลิ่นเหม็น กลิ่นหอม จิตเป็นผู้รู้ จึงใส่ชื่อว่า “จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานัง” ตากับจิตออกจากกันไม่ได้ ตายเมื่อใด พ้นเมื่อนั้น นี้แหละท่านทั้งหลาย

1.จิตไม่ฆ่าสัตว์ จิตนั้นก็เป็นพระโสดา จิตสกิทาคา จิตก็เป็นอนาคา จิตก็เป็นอรหันต์ จิตก็เป็นพระพุทโธ จิตดวงเดียว

2.จิตไม่ลักทรัพย์ จิตนั้นก็เป็นพระโสดา เป็นพระสกิทาคา เป็นอนาคา เป็นอรหันตา

3.จิตออกบวช ขาดจากผัวจากเมีย จิตนั้นก็เป็นพระโสดา เป็นพระสกิทาคา เป็นพระอนาคา เป็นพระอรหันตา

4.จิตไม่ขี้ปด ไม่กล่าวมุสาวาท จิตนั้นก็เป็นพระโสดา เป็นพระสกิทาคา เป็นพระอนาคา เป็นพระอรหันตา

5.จิตไม่กินเหล้า จิตก็เป็นพระโสดา เป็นพระสกิทาคา เป็นพระอนาคา เป็นพระอรหันตา อันนี้

อธิบายเป็นพระสูตร ขอให้นักธรรม นักกัมมัฏฐานทั้งหลายจงดูทุกพระองค์เถิด จะอธิบายเป็นพระปรมัตถ์อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน 1.จิตไม่ฆ่าสัตว์ จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์ 2.จิตไม่ลักทรัพย์ จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนและทุกพระองค์ 3.จิตออกบวช ขาดจากผัวจากเมีย จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจทุกคนทุกพระองค์ 4.จิตไม่ขี้ปด (มุสาวาท) จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจทุกคนทุกพระองค์ 5.จิตไม่กินเหล้า จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจทุกคนทุกพระองค์

พุทฺโธเป็นศีล พุทฺโธเป็นฌาน พุทฺโธก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์ ธมฺโมเป็นศีล ธมฺโมเป็นฌาน ธมฺโมเป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์ สงฺโฆเป็นศีล สงฺโฆเป็นฌาน สงฺโฆเป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของทุกคนทุกพระองค์ กรุณาเป็นศีล กรุณาเป็นฌาน กรุณาเป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์ มุทิตาเป็นศีล มุทิตาเป็นฌาน มุทิตาเป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์ เมตตาเป็นศีล เมตตาเป็นฌาน เมตตาเป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์ อุเบกขาเป็นศีล อุเบกขาเป็นฌาน อุเบกขาเป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์

จิตมีรูป ไม่รักรูป จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์ จิตมีเวทนา จิตไม่รักเวทนา จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์ จิตมีเวทนา จิตไม่รักเวทนา จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์ จิตมีสัญญา จิตไม่รักสัญญา จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์ จิตมีสังขาร จิตไม่รักสังขาร จิตก็เป็นศีล จิตก็เป็นฌาน จิตก็เป็นนิพพาน อยู่ที่ใจของเราทุกคนทุกพระองค์

เจ้าคุณคือใคร? เจ้าพ่อของเรา เจ้าแม่ของเรา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทุกคนเกิดจากเจ้าคุณพ่อ หมายถึงพระสุทโธทนะ เจ้าคุณแม่ หมายถึงพระนางเจ้าสิริมหามายา เป็นที่เกิดธรรมะอันประเสริฐสูงสุดวิเศษอยู่ที่ใจของเราอันเกิดมาจากพระบิดา พระมารดา ถ้าใครเชื่อ เอาหมูเป็นเมีย ปีกุน แปลว่าหมู หมูดีกว่ามนุษย์ มนุษย์สู้หมูไม่ได้ หมูดีกว่ามนุษย์ ขาหมูมนุษย์กิน แต่มนุษย์ไม่กินขาคน หำหมูมนุษย์กิน แต่หำมนุษย์ไม่มีคนกิน หีหมู มนุษย์กิน หีมนุษย์ไม่มีใครกิน หีหมูคนปากไม่ชัด (คือคนลิ้นไก่สั้น พูดอ้อแอ้) กินแล้วจะดี น้ำมันหมู เป็นสินค้าทั่วราชอาณาจักรไทย เป็นอาหารทั่วไปไม่เลือกชาติไหน กินกันทั้งนั้น แต่น้ำมันมนุษย์ไม่มีใครกิน ขี้หมูเอามาทำปุ๋ยใส่ในนา ใส่ผักใส่สวน ได้ทั้งนั้น แต่ขี้มนุษย์ไม่มีใครต้องการ หัวหมู ตับหมู มนุษย์กิน หัวคนตายไม่มีใครกิน หัวหมู จมูกหมู ลิ้นหมู มันสมองหมูต้มกันได้ทุกชาติ ปากคน ลิ้นคน มันสมองคน หัวคนไม่มีใครกิน แต่ไส้หมูทำเป็นไส้กรอกกินได้ ตับหมู พุงหมู กินได้ แต่ตับคน ไส้คน พุงคน ไม่มีใครกิน ขนหมูเป็นสินค้า ทำแปรงทาสีได้ทั่วไป แต่ขนผมมนุษย์ตัดทิ้งเสียเปล่าๆ ไม่มีใครต้องการ ผมของอุบาสก ต้องตัดเดือนละครั้งสองครั้ง เสียเงินครั้งละ 4-5 บาท ยิ่งเป็นผมของเจ้านายก็แพงขึ้นไปยิ่งกว่านี้ แล้วก็ค่าน้ำมันเดือนละขวด เมื่อจะหมดบุญ ก็ต้องเสียเงินหลายพันบาท เมื่อตายไปไฟกินหมด นี้แหละนักธรรม นักกัมมัฏฐานทั้งหลาย ข้าพเจ้า พระอาจารย์ตื้อ หรือ หลวงปู่ตื้อขอถวายปัญญาวิปัสสนาญาณไว้แสดงให้ทั่วถึงกัน มีเจ้านาย ข้าราชการ อุบาสก อุบาสิกา เป็นต้น ถ้าไม่จริงอย่างหลวงปู่ว่า ขอให้อมขี้มาเป่าหน้าเถิด

หนึ่ง ผู้เจริญฌาน ให้รู้จักฌาน ถ้าไม่รู้จักฌาน จะนั่งเอาฌานจนเอวหัก ก็ไม่ได้นิพพานตามความปรารถนา

สอง ผู้เจริญฌาน ให้รู้จักฌาน จึงจะได้พระนิพพาน เพราะฌานกับนิพพาน เป็นคู่กันจะออกจากกันไม่ได้เหมือนเดือนกับดาว เดือนอยู่ที่ไหนดาวอยู่ที่นั่น ที่ว่าการไม่รู้จักฌาน ไม่รู้จักนิพพาน เป็นอาการของจิต เรียกว่า “โลกียจิต” สอง โลกุตตรจิต จิตจะรู้จักฌาน พระโสดาผล เป็นฌานที่หนึ่ง พระสกิทาคามรรค สกิทาคาผล เป็นฌานที่สอง พระอนาคามรรค พระอนาคาผล เป็นฌานที่สาม พระอรหันตามรรค พระอรหันตาผล เป็นฌานที่สี่ ฌานเป็นที่อยู่ของพระพุทธเจ้า พระนิพพาน ได้แก่ ใจของพระพุทธเจ้า ฌาน เป็น ที่อยู่ของพระอรหันต์ นิพพานก็คือใจของพระอรหันต์เจ้านั้นและฌานเหมือนเค้า (ต้น) ของผม (เกศา) นิพพานเหมือนเส้นผมนั้นและจึงจะสมสะวะณะ

ที่หนึ่ง บริกรรม “พุทฺโธ” เป็นศีล “พุทฺโธ” เป็นฌาน “พุทฺโธ” ก็เป็นนิพพาน

ที่สอง อุปจาร เป็นที่อยู่ของจิต ธัมโมเป็นศีล ธัมโมเป็นฌาน ธัมโมก็เป็นนิพพาน

ที่สาม สังโฆเป็นศีล สังโฆเป็นฌาน สังโฆก็เป็นนิพพาน

ที่สี่ อนุโลมฌาน จงดูลมหายใจเข้าออก โทสะใจอย่าได้ขี่ใจโมหะ ใจขี่ทิฏฐิก็หมดไป ใจขี่โทสะ ใจก็เป็นอรหันต์ ใจขี่โมหะ ใจก็เป็นอรหันต์ ใจขี่ทิฏฐิใจนี้ก็เป็นอรหันต์

ที่ห้า โคตะ อยู่ในรูปไม่ผิดรูป อยู่ในเวทนา ไม่ผิดเวทนา อยู่ในสัญญา ไม่ผิดสัญญา อยู่ในสังขาร ไม่ผิดกับสังขาร อยู่ในวิญญาณ ไม่ผิดกับวิญญาณ ใจเราก็เป็นพระนิพพาน

ที่หก โสดามรรคก็ใจ โสดาผลก็ใจ สกิทาคามรรคก็ใจ สกิทาคาผลก็ใจ อนาคามรรคก็ใจ อนาคาผลก็ใจ สกิทาคามรรคก็ใจ สกิทาคาผลก็ใจ อนาคามรรคก็ใจ อนาคาผลก็ใจ อรหันตมรรคก็ใจ อรหันตผลก็ใจ ละอุปาทิเสสนิพพานกิเลสขาดจากสันดานหมดไป โมหะกิเลสหมดไป ทิฏฐิกิเลสหมดไป ยังเหลือแต่ใจสะอาดปราศจากกิเลสเหมือนพระจันทร์ เดินอยู่ในท้องฟ้านภากาศ ไม่มีอะไรจักทำลายได้ วาโยธาตุ แปลว่า ลมจากทิศทั้ง 4 จะทำลายพระจันทร์ไม่ได้ ลมก็เป็นลมไป พระจันทร์ไม่แตกดับ พระจันทร์ก็อยู่อย่างนั้นแหละ อาโปธาตุ แปลว่า น้ำฝนตกลงมาเม็ดเล็กเม็ดน้อยเม็ดใหญ่ จะทำลายพระจันทร์ไม่ได้ เปรียบเหมือนที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ดังเช่น เปรียบกันได้กับใบบอน ตามธรรมดาใบบอนนั้นน้ำชำแรกแทรกเข้าไปในใบบอนย่อมมิได้ ถึงฝนจะตกลงมาถูกต้องใบบอนสักเพียงไร น้ำฝนก็มิอาจจะแทรกซึมเข้าไปในใบบอนได้ฉันนั้น เพราะใบบอนไม่ดูดเอาน้ำเข้าไปเลย เหมือนดังกับพระจันทร์ พระจันทร์เดินไปเมืองม่าน (เมียนมา) พวกม่านทั้งหลายทั้งน้อยและใหญ่ พากันกราบไหว้พระจันทร์ พระจันทร์ก็เฉยๆ ไม่รับรองลิ้นของพวกม่านมาเป็นสรณะแต่อย่างไร ไปเมืองมอญ พวกมอญจะติฉินนินทาด่าว่าสิ้นทั้งบ้านเมืองมอญ พระจันทร์ก็เฉยเสีย นี้แหละนักธรรม นักกัมมัฏฐาน เจ้าทั้งหลายจึงเรียกได้ว่า “จบพรหมจรรย์” คือ.-

1.ไม่ฆ่าสัตว์ เรียกว่า พุทธพรหมจรรย์

2.ไม่ลักทรัพย์ เรียกว่า พุทธพรหมจรรย์

3.ไม่เสพกาม เรียกว่า พุทธพรหมจรรย์

4.ไม่ขี้ปด (คือกล่าวมุสาวาท) เรียกว่า พุทธพรหมจรรย์

5.ไม่กินเหล้า (สุรา) เรียกว่า พุทธพรหมจรรย์

 (อ่านต่อสัปดาห์หน้า)