สตม.ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ
สตม.จับมือไต้หวัน ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ พร้อมกันสองประเทศ ขยายผลรวบตัวการใหญ่
สตม.จับมือไต้หวัน ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ พร้อมกันสองประเทศ ขยายผลรวบตัวการใหญ่
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผบก.สส.สตม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวน สตม. และนายเหลียง ยู ชิง เจ้าหน้าที่ทางการไต้หวัน นำตัว นายโจว จวิน เฉิง (CHOU Chun-Cheng) อายุ 31 ปี สัญชาติไต้หวัน สมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวันในประเทศไทย พร้อมผู้ร่วมขบวนการอีก 7 คน เข้าตรวจสอบบ้านพักแห่งหนึ่ง ย่านบางนา กทม.
พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวว่า ทาง สตม.ได้ทำการสืบสวนข้อมูลที่ได้รับจากทางการไต้หวันประจำประเทศไทย เกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เข้ามาตั้งฐานในประเทศไทยโทรหลอกลวงเหยื่อในหลายประเทศ มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก จนทราบว่าแก๊งดังกล่าวได้เช่าบ้านแห่งหนึ่งย่านบางนา จึงได้ทำการขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดพระโขนงเพื่อเข้าตรวจค้น
จากการตรวจค้นพบบุคคลต่างด้าวทั้งหมด 8 คน พร้อมด้วยอุปกรณ์การกระทำผิดเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ รายชื่อผู้เสียหายนับพันราย และอุปกรณ์โทรศัพท์ข้ามประเทศ ทั้งหมดให้การรับสารภาพและให้การซัดทอดไปถึงนายเหลียง ตัวการใหญ่ในไต้หวัน ชุดสืบสวนจึงได้ประสานงานกับทางการไต้หวันจนสามารถจับกุมนายเหลียง นายทุนใหญ่ชาวไต้หวัน ได้ในโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงไทเป ขณะกำลังเตรียมตัวหนีออกนอกประเทศ
พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มนี้จะรับข้อมูลที่สมาชิกในเครือข่ายขโมยมาจากต่างประเทศ ประกอบด้วยข้อมูล ชื่อ-นามสกุล หมายเลขประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด เลขบัญชีธนาคาร และหมายเลขโทรศัพท์ วิธีการหลอกลวงมีหลายรูปแบบ อาทิ ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรไปหลอกว่าเหยื่อถูกนำข้อมูลไปเปิดบัญชีธนาคาร และเปิดใช้โทรศัพท์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินและยาเสพติด ทำให้เหยื่อตกใจ จากนั้นจะมีคนร้ายอีกคนปลอมเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เช่น ตำรวจ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, สำนักงานปราบปรามยาเสพติด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ พูดหว่านล้อมเหยื่อให้ไปทำรายการผ่านตู้เอทีเอ็มตามขั้นตอนที่กลุ่มคนร้ายบอก จนกระทั่งเงินถูกโอนไปยังบัญชีของคนร้าย โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว จากนั้นจึงทำการโอนเงินข้ามประเทศไปให้นายเหลียง ตัวการใหญ่ในไต้หวัน
นอกจากนี้ยังพบความเชื่อมโยงถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เคยว่าจ้างคนไทยที่ไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน โทรกลับมาหลอกลวงคนไทยด้วยกันเอง มีประชาชนตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก ผบช.สตม.กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการของเจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศ เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่มีความเชื่อมโยงในหลายประเทศทั้งเครือข่ายและสามารถสาวถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง
พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวว่า ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพ ที่ปัจจุบันมีการหลอกลวงเหยื่อหลากหลายรูปแบบ เช่น แก๊งโรแมนสแกม ที่มักอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐและเอกชน หลอกเข้ามาพูดคุยเชิงชู้สาว แล้วบอกว่าจะส่งของมีค่าหรือเงินสดมาให้เป็นจำนวนมากๆ โดยผู้รับจะต้องโอนเงินไปให้เป็นค่าดำเนินการ และมักบังคับให้เหยื่อตัดสินใจทันที มิฉะนั้นอาจถูกยึดของหรือหลอกว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาแก๊งในลักษณะนี้ได้ถูก สตม. กวาดล้างจับกุมไปเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันพบว่าได้ย้ายไปตั้งฐานในต่างประเทศ แต่ยังโทรกลับมาหลอกลวงเหยื่อในประเทศไทย ดังนั้นหากพี่น้องประชาชนพบการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว ขอให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างแน่ชัด อย่ารีบด่วนโอนเงินไปเป็นอันขาด แนะนำให้ปรึกษาผู้ที่เชื่อถือได้ ติดต่อสถานีตำรวจใกล้บ้านท่าน หรือติดต่อขอคำปรึกษาจาก สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร.1178 หรือ www.immigration.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง