posttoday

"บิ๊กแป๊ะ" แถลงแก๊ง "หมอหยอง" โดน13คดีม.112 - "ประวุฒิ" ยังไม่ลาออก

28 ตุลาคม 2558

ผบ.ตร.นำทีมแถลง คดี "หมอหยอง" กับพวกโดน13คดี แอบอ้างเบื้องสูง จ่อออกหมายจับเพิ่ม ยืนยัน "พล.ต.อ.ประวุฒิ"ยันรับราชการ ยังไม่พบหลักฐานเกี่ยวข้องคดี

ผบ.ตร.นำทีมแถลง คดี "หมอหยอง" กับพวกโดน13คดี แอบอ้างเบื้องสูง จ่อออกหมายจับเพิ่ม ยืนยัน "พล.ต.อ.ประวุฒิ"ยันรับราชการ ยังไม่พบหลักฐานเกี่ยวข้องคดี

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)และคณะทำงานคดีหมิ่นสถาบันที่เป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แถลงรายละเอียดคดีที่นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง พร้อมพวกคือ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขาส่วนตัว และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อดีตสารวัตรกองบังคับการปราบปราม ซึ่งเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว  ตกเป็นผู้ต้องหาซึ่งมีพฤติกรรมแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์จากการทำเข็มกลัดในกิจกรรม Bike For Mom และ Bike For Dad ซึ่งมีคดีที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 13 คดี

พล.ต.อ. จักรทิพย์  กล่าวว่า พฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อเรียกรับผลประโยชน์และกระทำความผิด ทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบัน เจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อมูล จากการซักถามพบว่ามีมูลกระทำความผิดจริง จึงแจ้งความร้องทุกข์กับกลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินข้อหา 13 คดี โดยมี พ.อ.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้ร้องทุกข์ในนามกองทัพ และมีผู้ต้องหาทั้ง 3 รายเป็นผู้ถูกกล่าวหา ซึ่ง นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ และ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ มีข้อหา "ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ข้อหา มีข้อหาเกี่ยวกับการมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ทหารพบอาวุธ วิทยุ รถยนต์ ผิดกฎหมาย อีกทั้งร่วมกับ บริษัท สามารถเทเลคอม กับพวกตั้งสถานีวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต และ บังอาจแอบอ้างเบื้องสูงขอสนับสนุนหมายเลขโทรศัพท์เลขสวยจาก กสทช.

ขณะที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนคดีดังกล่าว กล่าวว่า มีผู้ร่วมขบวนการอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติ ต้องมีการออกหมายจับเพิ่ม จะทราบรายละเอียดต่อเมื่อศาลออกหมายจับ

ทั้งนี้ ได้ชี้แจงว่า ของกลางได้ถูกแยกออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะเข้าไปตรวจยึด และจะต้องขยายผลการสืบสวนว่า ใครเป็นคนที่นำพ.ต.ต.ปรากรม ไปเอาของกลางออกมา ซึ่งหากหลักฐานผิดถึงใคร ยืนยันว่าก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้น ก็ต้องตรวจสอบ ขอให้มีความชัดเจนก่อน ไม่ควรพาดพิงถึงใคร เนื่องจาก ทหารเป็นคนร้องทุกข์ และคดีนี้ก็มีเอกชนเข้ามาร่วมด้วยหลายหน่วย คาดว่าไม่เกิน 2-3 เดือน จะดำเนินคดีนี้เสร็จสิ้น

พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า การตรวจค้นเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจาก บุคคลเกี่ยวข้องไหวตัวพยายามใช้เทคนิคเพื่อลบหลักฐาน ยืนยันว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์เช่นนี้จริง พยายามที่จะซ่อนเร้นทรัพย์สินไปยังญาติพี่น้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ตรวจสอบยาก แต่เจ้าหน้าที่ก็จะพยายามตรวจสอบต่อไปสำหรับ 8 นายตำรวจที่ถูกคำสั่งโยกย้ายไปก่อนหน้านี้ มีความเกี่ยวข้องกับพ.ต.ต.ปรากรม  ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงซ่อนเร้นทรัพย์สิน

ทั้งนี้ในระหว่างการแถลงข่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีของพล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ.10 ได้ลาออกจากราชการหรือไม่ ว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ ยังรับราชการอยู่ ยังไม่ได้รับใบลาออก และ ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานว่าพล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษาสบ. 10 เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ ยืนยันว่าการเปลี่ยนตัว ทีมโฆษกตร. เป็นเรื่องการบริหารภายใน เมื่อครบวงรอบก็เปลี่ยน ส่วนการลาพักสามารถลาได้ตามระเบียบ