posttoday

คนไทย

02 กรกฎาคม 2560

หลายวันก่อนผมมีโอกาสได้พบปะเพื่อนฝูง ก็ได้มาร่วมนั่งรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนผู้มากด้วยประสบการณ์ชีวิตสูงหลายๆ ท่าน

โดย...นาย ป.

หลายวันก่อนผมมีโอกาสได้พบปะเพื่อนฝูง ก็ได้มาร่วมนั่งรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนผู้มากด้วยประสบการณ์ชีวิตสูงหลายๆ ท่าน หลังจากรับประทานอาหารคาวเสร็จ บริกรในร้านก็ยกชามของหวานมาให้ เมนูวันนั้นมันคือฟักทองน้ำกะทิ เพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งตักใส่ถ้วยของเขาแล้วเริ่มรับประทาน แต่ก่อนขนมหวานจะเข้าปาก เพื่อนอีกคนหนึ่งก็ถามขึ้นว่าอร่อยไหม เขาตอบทันทีว่าอร่อยมาก แล้วจึงส่งช้อนเข้าปาก

ผู้เขียนนั่งฝั่งตรงข้ามพี่เขาพอดีจึงพูดขัดขึ้นมาว่า ขนมยังไม่ทันเข้าปากเลย บอกว่าอร่อยเสียแล้ว พี่เขาก็พูดตอบสวนทันควันมาทันทีว่า “ผมคนไทยครับ” ทุกคนก็ทำหน้าตาด้วยความงงๆ ทุกคนในโต๊ะมองหน้ากันแบบไม่เข้าใจว่า มันเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย

ต่อมาพี่เขาก็จึงเฉลยว่า “คนไทยส่วนใหญ่พูดอย่างทำอย่าง แบบปากว่าตาขยิบน่ะ อะไรที่คนไทยพูด เราจะทำตรงข้ามเสมอ” เสียงหัวเราะจึงดังลั่นขึ้นทั้งโต๊ะพร้อมกับข้อสรุปว่า เออ จริงว่ะ

ผู้เขียนลองมานึกดูตามที่พี่เขาว่ามันก็เข้าเค้าแฮะ ลองสังเกต หรือคิดกันเอาง่ายๆ เราทุกคนเรียกร้องกันให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด แต่ลองสังเกตดูไหมว่าจะมีรถสักกี่คันที่จอดในที่ให้จอด หรือจะมีรถสักกี่คนที่มีน้ำใจหยุดรถให้คนข้ามถนนที่ทางม้าลาย เส้นทึบที่ตีบนถนนก็ยังฝ่าฝืนชอบแซง ชอบปาด แบบนี้จะไม่ให้เกิดอุบัติเหตุหรือทะเลาะเบาะแว้งกันกลางถนนกันได้อย่างไร

ยิ่งเรื่องระเบียบวินัยการเข้าแถวคอยคิว เราแทบจะไม่ค่อยได้เห็นกันเลยไม่สนใจกันเลยว่าใครมาก่อนมาหลัง ไม่เคารพกัน ไม่ชอบเข้าคิวต่อแถว แต่ชอบเสียบแบบไม่สนใจใคร ฯลฯ นี่คือพูดอย่างทำอย่างไหมล่ะ

ลองคิดดูแล้วกันครับว่าสถาบันการศึกษา โรงเรียน หรือครูบาอาจารย์สอนกันมาดีๆ ให้ทำตามกฎระเบียบวินัย หรือกฎหมาย แต่เอาเข้าจริงคนที่จะสอนเด็กได้ดีที่สุด คือ ครอบครัว หรือพ่อแม่ต่างหาก เอาง่ายๆว่า เวลาเด็กนั่งรถไปโรงเรียนกับพ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่บางคนระหว่างทางไปส่งลูก มักมีพฤติกรรมการขับรถแบบชอบขับเสียบ ชอบขับปาด แซงซ้ายทีขวาทีโดยไม่สนใจระเบียบวินัยจราจร บางคนยิ่งแล้วใหญ่แสดงพฤติกรรมโมโหร้ายด่าทอกันบนกลางถนน หรือบางรายถึงกับใช้ความรุนแรงกันเลย

พฤติกรรมของพ่อแม่ที่แสดงออกมาแบบนี้ แล้วลูกๆ ก็จะซึมซับพฤติกรรมนี้ไปด้วยเรื่อยๆ จนกลายเป็นนิสัย เมื่อเด็กเติบโตขึ้น เขาก็จะเลียนแบบ หรือทำตามบ้าง ถึงจะเรียนรู้มาเรื่องความเป็นระเบียบวินัย คุณธรรมจริยธรรมมาจากโรงเรียนก็ตามว่า สิ่งที่ทำนั้นมันไม่ถูกต้องก็ตาม เรียกว่าถ้าทำข้อสอบละก็เต็มแน่ๆ แต่ถ้าประพฤติกรรมละก็ตรงกันข้ามเลย เพราะเด็กเลือกที่จะเลียนแบบพฤติกรรมพ่อแม่มากกว่า

เรื่องการเมืองนี่ก็เหมือนกัน ทุกฝ่ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราต้องการเห็นบ้านเมืองปรองดองสมานฉันท์ แต่ข่าวสารต่างๆ ที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชนกลับเป็นการใช้ประทุษวาจาชวนทะเลาะกันไม่รู้จักเลิกรา แล้วยังงี้มันจะเกิดความปรองดองสมานฉันท์กันได้ยังไงล่ะ

ยิ่งระบบภาคราชการยิ่งแล้วใหญ่ เรามักจะพูดกันเสมอๆ เรื่องทำงานแบบบูรณาการ ต้องทำงานข้ามกระทรวงกันได้ ทุกหน่วยยินดีที่จะทำงานร่วมกัน แต่ในความเป็นจริงแทบจะไม่สามารถบูรณาการกันได้เลยต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำ เพราะแต่ละหน่วยแต่ละกรมยึดถือกฎหมายของตัวเองเป็นใหญ่ และมักจะหวงอำนาจไม่ยอมใครกันเลย

ปรากฏการณ์แบบนี้ต่างหากที่น่าจะเรียกได้ว่านิสัยคนไทย คือ พูดอย่างทำอย่าง นั่นแหละคนไทยจริงๆ