สัจธรรม ‘บิ๊กสุ’
ทีแรกเห็นว่าจะชวนสนทนาปัญหาบ้านเมืองที่ว่าด้วยการสร้างความปรองดองและการปฏิรูปประเทศ
โดย...หงส์แดง
ทีแรกเห็นว่าจะชวนสนทนาปัญหาบ้านเมืองที่ว่าด้วยการสร้างความปรองดองและการปฏิรูปประเทศ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 39 คนเข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้กับคณะกรรมการ ป.ย.ป.
สงสัยอยู่เหมือนกันว่าตั้งแต่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศเมื่อ 2 ปีที่แล้ว กำลังสร้างสถิติโลกให้กับประเทศไทยด้วยการมีคณะกรรมการโน่นนี่นั่นเต็มไปหมดหรือเปล่า
แต่ช่างเถอะ...มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า
วันก่อนผมนั่งอ่านข่าวในโลกสังคมออนไลน์ ก็ไปสะดุดเข้ากับเฟซบุ๊กของคุณวาสนา นาน่วม (Wassana Nanuam) นักข่าวสายทหารชื่อดัง
คุณวาสนาได้นำภาพล่าสุดของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างที่ท่านไปร่วมงานศพของ พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี อดีต ผบ.ทบ. มาเผยแพร่
เป็นไปตามกาลเวลาครับ ณ เวลานี้ “บิ๊กสุ” อายุปาเข้าไปเกิน 80 ปีแล้ว ผมขาวสีดอกเลาเต็มศีรษะ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนรุ่นใหม่ๆ ยังจะรู้จักนายทหาร จปร.5 ท่านนี้หรือไม่
ย้อนเวลากลับไปประมาณ 20 กว่าปี ประมาณปี 2534 พล.อ.สุจินดา ถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็นหนึ่งในทหารที่ร่วมกันรัฐประหารล้มรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
จะว่าไปก็ไม่ต่างอะไรกับการรัฐประหาร 2549 หรือ 2557 ทหารล้มนักการเมือง จากนั้นทหารก็เข้ามาเป็นรัฐบาล
ในปี 2534 คณะทหารใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์เดินหน้ายึดทรัพย์นักการเมืองยกชุด ก่อนที่ศาลจะยกฟ้องในเวลาต่อมา
แม้การยึดทรัพย์ครั้งนั้นจะล้มเหลว แต่ก็ได้แสดงให้เห็นว่าการใช้อำนาจของทหารก็ถือว่าเบ็ดเสร็จอยู่ไม่น้อย
ต่อมาปี 2535 เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เพราะประชาชนจำนวนมากไม่พอใจกับการขึ้นมาเป็นนายกฯ ของ พล.อ.สุจินดา กทม.กลายเป็นแดนจลาจล แต่ความวุ่นวายทั้งหมดก็จบลงด้วยพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9
นับจากเหตุการณ์นั้นมา พล.อ.สุจินดา ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกฯ และหันหลังให้กับการเมืองไทยและมุ่งสู่การใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างสงบ
เมื่อเวลาเดินหน้าอย่างเดียวฉันใด เวลาก็ย่อมพรากความหนุ่มสาวไปจากเราฉันนั้น
ภาพของ “บิ๊กสุ” ที่เห็นจากเฟซบุ๊กของคุณวาสนา เป็นเครื่องตอกย้ำสัจธรรมข้างต้นนั้นได้เป็นอย่างดี ไม่มีอะไรที่อยู่กับเราตลอดไป โดยเฉพาะอำนาจ
ผมถือว่าภาพของอดีตนายกฯ สุจินดา เป็นคำสอนเตือนใจให้กับคนที่กำลังหลงอำนาจของตัวเองอยู่ในปัจจุบัน
ใครคิดได้ก็ถือว่าเป็นบุญกุศลแก่ตัวเอง แต่ถ้าใครยังคิดไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าจะคิดได้ในอนาคต
หากถึงที่สุดใครที่หลงและมัวเมาอยู่กับอำนาจ ใช้อำนาจตามอำเภอใจโดยไม่สนหลักการของบ้านเมือง ก็คงต้องรับในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป
ขอฝากเนื้อหาส่วนหนึ่งของเพลง “คนดีไม่มีวันตาย” ของคุณธีร์ ไชยเดช ไว้ให้คิดครับ
“ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี”