posttoday

ไร้นิติรัฐ ไร้นิติธรรม

13 พฤษภาคม 2559

ข้ออ้างหนึ่งที่ฝ่ายโจมตีรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ใช้เป็นประจำก็คือ พี่น้องคู่นี้บริหารงานโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ

โดย...คุณบ๊งเบ๊ง [email protected]

ข้ออ้างหนึ่งที่ฝ่ายโจมตีรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ใช้เป็นประจำก็คือ พี่น้องคู่นี้บริหารงานโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ คือเพื่อเอื้อประโยชน์กับธุรกิจ รวมถึงพวกพ้องบริวารตัวเอง และที่หนักข้อที่สุดคือใช้เพื่อออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในคดีทุจริต จนเป็นปฐมบทของ “ม็อบนกหวีด”

โดยระบุว่าการกระทำของพวกชินวัตรนั้น ไม่เป็นไปตามหลัก “นิติรัฐ” ไม่เป็นไปตามหลัก “นิติธรรม” ทั้งที่หลายคนไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร แต่เมื่อนำมาใช้โจมตีนักการเมืองแล้ว มันก็เท่ดี

อันที่จริง “นิติรัฐ” หมายถึงรัฐที่ปกครองด้วยกฎหมาย ไม่ใช่การปกครองตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ อันที่จริง นิติธรรม หมายถึงหลักการพื้นฐานที่ใช้เพื่อจำกัดอำนาจของ “ผู้ปกครอง” โดยยึดหลักว่าบุคคลต้องเสมอภาคกัน กฎหมายต้องมีเนื้อหาชัดเจน และการบังคับใช้กฎหมายต้องเสมอภาค

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจ เป็นเวลาเกือบ 2 ปี เสียงเรียกร้องให้ใช้กฎหมายอย่างยุติธรรมกับทุกฝ่าย เลือนหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะหัวหอกที่เรียกร้องวันนั้น กลับกลายไปนั่งเป็นคน “ร่างกฎหมาย” ให้ คสช.เสียเอง

ขณะเดียวกัน แนวร่วมที่วันนั้นเคยเรียกร้องให้ใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม กลับส่งเสียงเชียร์ให้ใช้กฎหมายจัดการกับพวกที่ตัวเองไม่ชอบให้เด็ดขาดที่สุด “เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง”

ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีคดีที่ “บั่นทอน” ความมั่นคงของรัฐบาล เป็นต้นว่าเปิดแฟนเพจล้อเลียน “ลุงตู่” ผู้ต้องหาจึงถูกเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไป “บุกอุ้ม” ที่เคหสถานตั้งแต่เช้ามืด เราจึงไม่ได้ยินเสียงตำหนิของคนที่เรียกยิ่งลักษณ์ว่าเป็นเผด็จการ

ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีการย้ายคดีโจมตี “ลุงตู่” ด้วยการที่เขียนกฎหมายให้ไปขึ้นกับศาลทหาร โดยให้กระบวนการตั้งแต่จับกุม สืบสวน-สอบสวน พิจารณาคดี ขึ้นอยู่กับกองทัพ และกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นคู่กรณีโดยตรงเป็นผู้ดำเนินคดีเอง แทนที่จะใช้ศาลยุติธรรมตามปกติ เราจึงไม่ได้ยินข้อท้วงติงใดๆ จากคนที่เรียกตระกูลชินวัตรว่า “ทรราช”

จะด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ คนเหล่านี้ได้ลืมสิ่งที่ตัวเองเรียกร้อง ลืมหลักการขั้นพื้นฐานของกฎหมาย ที่ทุกคนย่อมมีสิทธิในการแสดงออกขั้นพื้นฐาน สิทธิในการต่อสู้คดีด้วยความยุติธรรม โดยผู้ที่พิจารณาคดีต้องเป็นกลาง ไปโดยสิ้นเชิง

มิหนำซ้ำยังสาปแช่งให้ฝ่ายตรงข้ามถูกดำเนินคดีด้วยวิธีนี้จนถึงที่สุด บางคนอินจนถึงขั้นว่าติดคุกไปได้ หรือตายได้ก็ดี บ้านเมืองจะได้สงบ

ขณะที่ท่าทีของผู้บริหารประเทศก็ไม่ได้ต่างกัน เพราะยังยืนกรานให้ใช้กฎหมายในลักษณะนี้ จนมี “ไฟเขียว” ให้จัดการฝ่ายตรงข้ามอยู่เนืองๆ จนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อยิ่งใกล้วันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

การบริหารบ้านเมืองในยุคนี้ จึงชัดเจนว่าเป็นการใช้กฎหมายแบบตัวเองเป็นใหญ่ และบังคับให้คนอื่นต้องเชื่อฟังกฎของตัวเอง มากกว่าจะยึดหลักการนิติรัฐ นิติธรรม

รวมถึงได้แสดงให้เห็นชัดๆ ว่าผู้บริหารประเทศไม่ได้ต้องการความมั่นคงของชาติ แต่ต้องการความมั่นคงของตัวเอง ซึ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ในห้วงเวลาการปฏิรูปประเทศ

คำถามที่ต้องถามไปยังนักกฎหมายและประชาชนผู้รัก “ความยุติธรรม” ก็คือ ในเวลานี้หลักการนิติรัฐ นิติธรรม ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ หรือมีข้อยกเว้นเสมอ สำหรับผู้ที่เข้ามารักษา “ความสงบ”

ข่าวล่าสุด

ป.ป.ส. ผนึก DEA สหรัฐฯ เตรียมจัดประชุม Regional IDEC 2026 ที่เชียงราย