ของใหม่ใน รธน.
หลังวันที่ 6 ก.ย. 2558 จะมองเห็นอนาคตการเมืองไทยว่าจะเดินไปทางไหน
โดย...e-ช้าน [email protected]
หลังวันที่ 6 ก.ย. 2558 จะมองเห็นอนาคตการเมืองไทยว่าจะเดินไปทางไหน วันนี้ e-ช้าน...จึงขอกางร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ดูกันบางส่วนว่ามี “ของใหม่” อะไรให้ชื่นใจบ้าง
ประเด็นแรก มีเรื่องให้ปวดกบาลว่าหลังรัฐบาลยุบสภาแล้วรัฐบาลรักษาการไม่ยอมลาออกโดยอ้างว่าต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ (ยิ่งลักษณ์ยุบสภาแต่ไม่ลาออกตามที่ กปปส.เรียกร้อง) รัฐธรรมนูญใหม่เขียนทางแก้ไว้ในมาตรา 174 กำหนดให้ลาออกได้ ถ้ารัฐมนตรีลาออกจนเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของ ครม.รักษาการ แล้วให้ปลัดกระทรวงร่วมเป็น ครม.รักษาการแทน ให้เลือกปลัดกระทรวงคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่นายกฯ และเลือกปลัดกระทรวงอีก 2 คน ทำหน้าที่รองนายกฯ
ประเด็นที่สอง ที่ผ่านมาหานายกฯ คนกลาง ตามช่องมาตรา 7 ไม่ได้ ทางแก้ก็คือ มาตรา 7 วรรคสอง กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ว่ากรณีใดต้องใช้มาตรา 7 หรือไม่และใช้อย่างไร
ประเด็นที่สาม ว่ากันว่าความนิยมในพรรคการเมือง (เช่น พรรคเพื่อไทย) กับจำนวน สส.ที่ได้ไม่สะท้อนความเป็นจริง (อาจแปลความว่าอาจได้ สส.มาโดยมิชอบ) ทางแก้คือ ใช้ระบบสัดส่วนผสมระหว่าง สส.บัญชีรายชื่อ กับ สส.เขต โดยใช้สัดส่วนจากบัญชีรายชื่อ (มาตรา 102-104)
ประเด็นที่สี่ เมื่อขัดแย้งกันถึงขั้นวิกฤต หัวหน้าพรรคการเมือง (มีคนไม่เอานายกฯ แล้ว) ไม่ได้รับการยอมรับ แต่คนนอกที่ไม่เป็น สส.เป็นนายกฯ ไม่ได้ รัฐธรรมนูญนี้เปิดทางให้เอาคนที่ไม่ได้เป็น สส.มาเป็น นายกฯ ได้ โดยใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ของ สส.ทั้งสภา (มาตรา 164, 165)
ประเด็นที่ห้า เมื่อเกิดความไม่สงบ มีความรุนแรง รัฐบาลปกติอาจรับมือไม่ได้ (เช่น ความรุนแรงระหว่างการชุมนุมทางการเมือง) รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ โดยให้ใช้อำนาจบริหารและนิติบัญญัติได้ (แปลว่ามีอำนาจเหนือรัฐบาลและสภา) เพื่อป้องกันและระงับยับยั้งความขัดแย้ง รวมทั้งระงับยับยั้งการกระทำที่ขัดขวางการปฏิรูปหรือการปรองดอง (มาตรา 259, 261(5))
รวมทั้งตรวจสอบไต่สวนการไม่ปฏิบัติตามแผนขั้นตอนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ (มาตรา 161(6)) ส่งปัญหาเรื่องอำนาจหน้าที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย (มาตรา 261(7)) และรักษาความสงบเรียบร้อย (280)
ประเด็นที่หก มีการวิจารณ์ว่านโยบายประชานิยมสร้างความเสียหายต่อชาติ รัฐธรรมนูญนี้ห่วงใย จึงเขียนทางแก้ไว้ว่า กำหนดให้มีการวิเคราะห์งบประมาณและการคลังระยะสั้น ระยะยาว ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม ระบุแหล่งเงิน (มาตรา 189 วรรคสอง)
นอกจากนี้ ยังตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและงบประมาณในศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุด (มาตรา 229) โดยให้ ปปช. สตง.ซึ่งมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้เงินก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาได้ (มาตรา 195)
e-ช้าน...ยกมาแค่ 6 ประเด็น เรียกน้ำย่อยให้วิญญูชนได้พิจารณาควบคู่ก่อน สปช.จะลงมติ


