posttoday

สะสางธรรมกาย

21 มีนาคม 2560

ยิ่งกว่าอะเมซิ่งไทยแลนด์ เมื่อมีการสอบสวนพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นำเงินวัดไปเล่นหุ้นกว่า 1,300 ล้านบาท

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

ยิ่งกว่าอะเมซิ่งไทยแลนด์ เมื่อมีการสอบสวนพระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย นำเงินวัดไปเล่นหุ้นกว่า 1,300 ล้านบาท

เงินดังกล่าวเชื่อมโยงคดีฟอกเงินสหกรณ์ฯ คลองจั่น ที่มีเจ้าอาวาสอย่าง พระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือพระธัมมชโย เกี่ยวข้อง

สำหรับคดีฟอกเงินในกลุ่มวัดพระธรรมกาย 15 สำนวน แบ่งเป็น 4 กลุ่มคดี ประกอบด้วย 1.คดีพระธัมมชโยรับเช็คบริจาคในนามวัดและส่วนบุคคล 2.คดีนำเงินวัดไปซื้อหลักทรัพย์ 3.คดีนำเงินสหกรณ์โอนให้พระลูกวัดนำไปซื้อที่ดินในจังหวัดต่างๆ และ 4.นำเงินสหกรณ์โอนเข้ามูลนิธิอุบาสิกาจันทร์หางนกยูง

ข้อมูลจากการวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงิน พบว่าเจ้าหน้าที่ของวัดและผู้เกี่ยวข้องได้นำเงินของวัดออกไปเปิดพอร์ตลงทุนซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์ 2-3 แห่ง และนำเงินไปเปิดพอร์ตซื้อหุ้นกับศิษย์คนสำคัญของวัด

ถ้ามองตามสภาพคดี เรียกได้ว่าทั้งเบอร์ 1 เบอร์ 2 ผู้ก่อตั้งวัดพระธรรมกาย ไปเกี่ยวพันกับคดีความการฟอกเงิน และเอาเงินวัดออกไปทำกิจกรรมมากมายชนิดที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์

กรณีธรรมกายเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน โดยมีประเด็นคำสอนที่ผิดเพี้ยนและการนำทรัพย์สมบัติของวัดออกไปใช้

ความจริงทุกอย่างน่าจะยุติลงได้ตั้งแต่ปี 2542 เมื่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อนได้มีพระลิขิต 5 ฉบับ อาทิ ที่มีใจความว่า 

การโกงสมบัติผู้อื่นตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไป คือประมาณไม่ถึง 300 บาทในปัจจุบัน ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิกฐานผิดพระธรรมวินัยพ้นจากความเป็นพระทันที ในกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้เห็นหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการสั่งให้สึก ไม่ว่าจะมีการจับสึกหรือไม่ก็ตาม

ภิกษุผู้ละเมิดพระธรรมวินัยข้อนี้ต้องอาบัติปาราชิก พ้นจากความเป็นพระโดยอัตโนมัติ ที่ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรก็เพื่อเตือนให้รู้ทั่วกันว่า ผู้ต้องอาบัติปาราชิกนั้นไม่ใช่พระในพุทธศาสนา เป็นเพียงผู้นำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง เป็นพระปลอม

ต่อจากนั้นย่อมเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้รักษากฎหมาย หรือของผู้มีหน้าที่ในการพุทธศาสนา จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาไม่ให้มีพระปลอมมาทำลาย ทำให้เสื่อมเสีย เช่นที่ผู้รักษากฎหมายเคยทำมาแล้ว เคยบังคับให้ผู้ปลอมเป็นพระถอดผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากตัว การปฏิบัติต่อพระปลอมต้องไม่มีแตกต่างกัน ต้องไม่มียกเว้นว่า คนนั้นปลอมได้คนนี้ปลอมไม่ได้ เป็นพระปลอมมีอยู่ในพุทธศาสนาไม่ได้ทั้งนั้น

แต่ครั้งนั้น ก็เกิดการปล่อยข่าวทำนองเป็นพระลิขิตปลอมบ้าง แม้กระทั่งมีการตีความว่า พระลิขิตที่ให้สมบัติทั้งหมดตกเป็นของวัด ถ้าญาติโยมถวายแว่นตา แว่นตานั้นต้องเป็นของวัดหรือเปล่า

ส่วนมหาเถรสมาคมในช่วงดังกล่าวก็ทำเฉย โดยเฉพาะมีพระราชาคณะที่สนิทกับพระไชยบูลย์คอยปกป้อง

เรียกว่า มีขบวนการอุ้มเกิดขึ้นทั้งทางโลก ทั้งทางสงฆ์ก็คงไม่ผิด

ใครเป็นใคร ใครเกี่ยวข้อง หลักฐานต่างๆ มีอยู่ชัด

จนยุคนี้ ที่กรรมมาบรรจบครบถ้วน ต้องสะสางตามผิด ตามถูก

ทำความกระจ่างให้เกิดขึ้นแก่พระศาสนาเสียที