posttoday

เสียดายเงิน

30 กรกฎาคม 2558

ผมเพิ่งกลับจากการเยือนงานเวิลด์เอ็กซ์โป ที่กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ตามคำเชิญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

โดย...สุภชาติ เล็บนาค

ผมเพิ่งกลับจากการเยือนงานเวิลด์เอ็กซ์โป ที่กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ตามคำเชิญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ว่ากันด้วย “ไทยพาวิลเลียน” ที่เป็นหน้าเป็นตาของเวิลด์เอ็กซ์โปทุกปี ปีนี้ได้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นโต้โผใหญ่ เพราะธีมหลักคือเรื่อง “ความมั่นคงทางอาหาร”

ผู้จัดงานเล่าให้ฟังว่า ไทยพาวิลเลียนใช้งบประมาณน้อยที่สุด คือประมาณ 700 กว่าล้านบาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับบูธไซส์ใหญ่อย่างญี่ปุ่น เยอรมนี หรือสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาคารที่จัดแสดงรูป “งอบ” นั้น สวยสมคำร่ำลือ

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวผมและสื่อมวลชนอีกหลายคนที่ร่วมคณะเห็นตรงกันว่า “น่าผิดหวัง”

ห้องแรกเสนอชีวิตเกษตรกรไทย ห้องที่สองเรื่องครัวไทยสู่ครัวโลก และห้องที่สามนำเสนอพระราชกรณียกิจของในหลวง

เพราะแม้จะมีการเสนอภาพการทำนา การเป็นกระดูกสันหลังของชาติและเป็นแหล่งผลิตอาหาร อู่ข้าวอู่น้ำของโลก แต่ก็ไม่แตกต่างจากพาวิลเลียนประเทศอื่นๆ ว่าสิ่งที่เราผลิตได้เป็นเอกลักษณ์อย่างไร และหล่อเลี้ยงคนทั้งโลกได้หรือไม่

เมสเซจที่พยายามจะสื่ออย่างการทำ “เกี๊ยวกุ้งแช่แข็ง” หรือ “ผัดไทยพร้อมรับประทาน” นั้นไม่ได้ดึงดูดคนต่างชาติแม้แต่น้อย

ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ แม้จะนำเสนอพระราชกรณียกิจที่ทรงงานเกี่ยวกับการเกษตรเป็นเวลายาวนาน แต่ภาพที่สื่อออกไปก็ไม่ชัดว่าพระราชกรณียกิจได้สร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

หากเทียบกับพาวิลเลียนญี่ปุ่น ซึ่งเล่าเรื่องความหลากหลายและความโด่งดังของอาหารในชาตินั้น เราสามารถเข้าใจได้ทันที เช่นเดียวกับพาวิลเลียนของอิสราเอล ที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของคน ที่พลิกฟื้นประเทศได้จากหน้ามือเป็นหลังมือ

ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ทุบโต๊ะไปเลยว่า...เสียดายเงินและเสียดายโอกาสของประเทศที่น่าจะได้สื่อสารกับชาวโลกได้ชัดกว่านี้

พูดในฐานะคนรู้จักกัน ครั้งนี้ผ่านไปแล้ว แต่ครั้งหน้ายังมี และผมเชื่อว่าเราทำให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน