posttoday

หุ้นไทยปิด -4.04 จุด โบรกชี้ห้ามหลุด 1,360 จุด สัญญาณจบรอบรีบาวด์

09 พฤษภาคม 2567

หุ้นไทยปิด Gap ก่อนหน้าเริ่มเสียทรงขาขึ้น ชี้ดัชนีหลุดต่ำกว่าแนวรับ 1,360 จุดยืนยันสัญญาณจบรอบการรีบาวด์ โบรกแนะนำเริ่มขายทำกำไรหุ้นที่สะสมก่อนหน้านี้บางส่วน

     ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(9 พ.ค.67) อยู่ที่ 1,369.29 จุด ลดลง 4.04 จุด คิดเป็น -0.29% มูลค่าการซื้อขาย 39,857.81 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,379.75 จุด และลดลงต่ำสุด 1,367.88 จุด

หุ้นไทยปิด -4.04 จุด โบรกชี้ห้ามหลุด 1,360 จุด สัญญาณจบรอบรีบาวด์

     10 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด ดังนี้

หุ้นไทยปิด -4.04 จุด โบรกชี้ห้ามหลุด 1,360 จุด สัญญาณจบรอบรีบาวด์

     ต่างชาติขาย - รายย่อยซื้อ

หุ้นไทยปิด -4.04 จุด โบรกชี้ห้ามหลุด 1,360 จุด สัญญาณจบรอบรีบาวด์

 

     ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า SET Index วันนี้ปรับลดลง 4.04 จุด คิดเป็น -0.29% ปิดที่ 1369.29 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท โดย Sector ที่ปรับขึ้นหนุนดัชนีหลักๆ คือ กลุ่มธนาคาร KBANK SCB กลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI กลุ่มโรงพยาบาล BCH, CHG ฯลฯ Sector ที่กดดัชนีคือ กลุ่มชิ้นส่วน DELTA กลุ่มอสังหา SIRI, AP ฯลฯ

     โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ BLA ปรับขึ้นแรงรับรายงานกำไรสุทธิ 1Q24 โต +64%y-y, +247%q-q เพราะกำไรจากปรับมูลค่ายุติธรรม (Fx gain 360 ล้านบาท) ผสานกับค่าใช้จ่ายลดลง จากสำรองประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะยาวลดลง และมีกลับรายการ ECL

     AP ปรับลดลงจากเมื่อวานรับ XD และวันนี้ปรับลงต่อ ในเชิงพื้นฐานยังแนะนำซื้อ ที่ TP24F ที่ 15.5 บาท/หุ้น และเป็น top pick จุดเด่นคือ แผนธุรกิจปี 2024F ที่ยัง aggressive ผลักดันให้ยังมีโอกาส new record high ทั้งการโอนและกำไรสุทธิได้ และมีโอกาสเพิ่ม market share ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคาดได้ประโยชน์จากมาตรการลดค่าโอนและจดจำนองมากกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มฯ

     AMARC ปรับขึ้นแรงรับรายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 6 ล้านบาท (+527%y-y +3388%q-q) ดีกว่าฝ่ายวิเคราะห์คาด 12% เกิดจากกำไรขายเงินลงทุนฯ หากหักรายการนี้ ธุรกิจปกติมีกำไร 5.8 ล้านบาท (+492%y-y +3200%q-q) โตสูงสอดคล้องกับที่คาดการณ์ เนื่องจากรายได้บริการหลักเติบโตดี แนะนำ Buy สำหรับ AMARC (TP 2.40 บาท)

     BE8 ราคาลดลง -7.9% รับคาดการณ์งบ 1Q24  ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ BE8 จะลดลงเหลือ 43 ล้านบาท (-29% yoy, -30% qoq) และ คาดว่ากำไรจะลดลง yoy อีกใน 2Q24 ฝ่ายวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไรปี 2024 ของ BE8 ลง 11% เหลือ 287 ล้านบาท (+13% yoy) ปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ และ ประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 24 บาท 

     CHG +3.6%, BCH +1.52% หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ที่ให้บริการลูกค้าประกันสังคม (SSO) ปรับขึ้นเด่น จากข่าวบอร์ดแพทย์ประกันสังคมเพิ่มสิทธิประโยชน์รักษาโรคมะเร็งครบวงจร หากพิจารณาโรงพยาบาลที่ศึกษา BCH (รายได้ SSO 33%), CHG (รายได้ SSO 32%) และ BDMS (รายได้ SSO 2%)

     ฝ่ายวิเคราะห์มองว่า BCH, CHG และ BDMS จะได้ประโยชน์จากประเด็นนี้ เรียงจากสัดส่วนรายได้ SSO และสัดส่วนรายได้ RW>2 มากสุด รวมทั้งมีศักยภาพรักษามะเร็งครบวงจร คงน้ำหนักลงทุน Bullish ต่อกลุ่มการแพทย์ หุ้นเด่นเลือก BDMS (Buy TP 37 บาท) และ CHG (Buy TP 3.70 บาท)

     ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) 18.00 น. ตามเวลาไทย คาดไม่ต่างจากคาดคงดอกเบี้ยที่ 5.25% ประเด็นที่ตลาดจับตา คือ ถ้อยแถลงต่อทิศทางการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งน่าจะเริ่มปรับลงในการประชุมครั้งถัดไปเดือน มิ.ย. หรืออย่างช้าในเดือน ส.ค. และ 10 เม.ย.นี้ ประกาศประมาณการ GDP เบื้องต้นใน 1Q67ของอังกฤษ Consensus คาดจะขยายตัว 0.4%QoQ จากก่อนหน้าคาดจะขยายตัวแค่ 0.1% เป็นเหตุหนุนการปรับลงดอกเบี้ย

     ราคาน้ำมันดิบเริ่มขยับ หลังการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอล-อามาส ไม่คืบหน้า สหรัฐฯระงับการส่งระเบิดให้อิสราเอล จากการที่อิสราเอลบุกยึดจุดผ่านแดนราฟาห์ ซึ่งน่าจะหนุน Sentiment บวกต่อราคาน้ำมันดิบ “WTI” มีโอกาสฟื้นสู่แนวต้าน 81-84 เหรียญฯ “BRENT” มีแนวต้าน 85-88 เหรียญ โดยตลาดประเมินว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับขึ้นชั่วคราว เนื่องจากกลุ่ม OPEC+ ขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจถึงสิ้นไตรมาส 2

     ขณะที่ Digital Wallet 10,000 บาท เงื่อนไขเป็นผู้ที่มีอายุ 16 ปี มีรายได้พึงประเมินไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี มีเงินฟากทุกบัญชีธนาคารรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท จนถึง 31 มี.ค.67 กำหนดลงทะเบียน 3Q67 ใช้ได้จริง 4Q67 

 

เสี่ยงจบรอบรีบาวด์ โมเมนตัมทางลงเริ่มมา

     ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มหุ้นไทยวันพรุ่งนี้(10 พ.ค.2567) ทางเทคนิค SET Index ภาพรายชั่วโมง ดัชนีหลุดเส้น Trend Line และเส้น EMA20 ประกอบกับ MACD จ่อลงมาอยู่แดนลบ คล้ายเป็นสัญญาณจบรอบของการรีบาวด์ อีกทั้งปิด Gap ก่อนหน้าเริ่มเสียทรงขาขึ้น ซึ่งจะยืนยันการจบรอบหากดัชนีปิดลงมาต่ำกว่า 1,360 จุด

     กลยุทธ์การลงทุน ทางฝ่ายแนะนำเริ่มขายทำกำไรบางส่วนจากหุ้นที่สะสมมาก่อนหน้านี้แล้วรอดูว่าดัชนีจะยืนเหนือแนวรับ 1,360 จุดได้หรือไม่ ก่อนตัดสินใจลงทุนต่อ แนวต้าน 1,375 จุด STOP LOSS N/A

     หุ้น SYNEX มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน ราคาพักตัวลงมาที่บริเวณแนว 11.30 บาท แล้วสร้างฐานที่ยืนได้ ก่อนที่ราคาขึ้นมาปิดเหนือเส้น EMA20 สอดรับกับ MACD ที่อัตราเร่งแดนลบเริ่มชะลอลง ลุ้นจังหวะตัดขึ้นเส้น Signal ราคาน่าจะ Breakout ผ่าน High ก่อนหน้าไปที่แนวต้านใหญ่ 13.00 บาทได้

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Dip ที่แนวรับ 11.70 บาท ตั้งเป้าทำกำไรที่ 12.60 บาท และ 13.00 บาท ตัดขาดทุนหากราคาลงมาปิดต่ำกว่า 11.30 บาท 

     หุ้น TAN มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน ราคา Breakout เส้น Trend Line และยืนเหนือเส้น EMA20 ประกอบกับเกิดแท่งเทียน Bullish Harami แล้วราคาปิดสูงกว่าแท่ง Mother Bar ได้ แสดงถึงจังหวะการรีบาวด์ คาดราคาจะไปทดสอบแนวต้าน High เดิม 18.00 บาท

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Dip ที่แนวรับ 16.30 บาท ตั้งเป้าทำกำไรที่ 17.40 และ 18.00 บาท ตัดขาดทุนหากราคาลงมาปิดต่ำกว่า 16.00 บาท

     หุ้น SYMC มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน ราคายกตัวขึ้นต่อเนื่อง สอดรับกับ MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal ในแดนบวก สะท้อนสัญญาณขาขึ้นแข็งแกร่ง คาดว่าราคาจะไปทดสอบแนวต้าน 10.00 บาทอีกครั้ง ลุ้นผ่านไปได้แล้วราคาจะยกระดับไปเทรดโซนถัดไปได้ 

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Dip ที่ 9.50 บาท ตั้งเป้าทำกำไรที่ 10.00 บาท และ 10.20 บาท ตัดขาดทุนหากราคาลงมาปิดต่ำกว่า 9.25 บาท