posttoday

TOA ลุ้นผลงานครึ่งหลังปี 67 ปรับตัวดีขึ้น หนุนยอดขายปีนี้โต 5-8%

30 เมษายน 2567

TOA แจ้งงบไตรมาส 1/67 วันที่ 14 พ.ค.นี้ คาดทรงตัว ส่วนไตรมาส 2/67 ยังมีปัจจัยกดดัน หวังผ่านงบประมาณปี 67 หนุนครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้น ดันยอดขายปี 67 โต 5-8% วางงบเฉียด 1,000 ล้านบาท ปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร เปิดนโยบาย GREEN MISSION เดินหน้าพันธกิจพิชิต Net Zero

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมแจ้งงบในไตรมาส 1/2567 ในวันที่ 14 พ.ค.2567 คาดว่าผลการดำเนินงานจะทรงตัว จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อน 

ส่วนไตรมาส 2/2567 ยังคงมีปัจจัยกดดันทั้งในเรื่องของดอกเบี้ย เศรษฐกิจ และภัยแล้ง ขณะที่มีปัจจัยบวก ในเรื่องนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม หากผ่านงบประมาณปี 2567 ได้ จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ดีขึ้น 

ทั้งนี้ บริษัทยังคงคาดว่ายอดขายปี 2567 จะเติบโต 5-8% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการดำเนินงานธุรกิจใหม่ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์แผ่นยิปซัม และกระเบื้อง เข้ามาเสริม 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในปี 2567 ต้นทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบ  

สำหรับงบลงทุนในปี 2567 บริษัทวางงบไว้ที่เกือบ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปกติที่บริษัทใช้งบลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท/ปี ใช้สำหรับปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เกิดของเสียน้อยลง และช่วยให้ใช้พลังงานลดลง 

ขณะที่กรณีพนักงานอัยการฟ้องผู้ถูกกล่าวโทษกรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่ถูกอายัดทรัพย์สินจำนวน 7 รายต่อศาลอาญา โดย 1 ใน 7 มีชื่อ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ในสัดส่วน 9% นั้น มองกระบวนการทางคดียังใช้เวลาอีกนาน อย่างไรก็ตาม หากถึงที่สุดมีการบังคับขายหุ้นในส่วนดังกล่าว ครอบครัวตั้งคารวคุณ พร้อมเข้าไปรับซื้อหุ้นในสัดส่วนดังกล่าว  

นายจตุภัทร์ กล่าวว่า จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate  Change) ถือเป็นวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อโลกและมนุษยชาติ ซึ่งจากมติที่ประชุม COP28 เมื่อปลายปี 2023 ที่ผ่านมา ยังคงย้ำชัดถึงข้อตกลงที่ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เนื่องจากรายงานของปีนี้ระบุว่า ช่องว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงสูงกว่าปีที่แล้ว 1.2% ทำให้ต้องเผชิญกับภาวะโลกร้อนสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์
  
TOA ในฐานะผู้นำตลาดและภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตสีในประเทศไทยและอาเซียน โดยตลอดระยะเวลา 60 ปี บริษัทมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขอนามัยของผู้บริโภคและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นผู้ผลิตสีรายแรกในประเทศไทย ที่ยกเลิกการใช้สารโลหะหนัก ปรอท ตะกั่ว ในสีทาอาคารได้สำเร็จ ตั้งแต่ปี 1977 รวมทั้งการไม่หยุดพัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมสีที่ปลอดภัย ใส่ใจต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น บริษัทจึงพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของโลกในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Action) โดยการประกาศนโยบาย GREEN MISSION เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (SDGs) ตามกรอบแนวคิด ESG ทั้ง 3 ด้านหลัก ได้แก่ 
 

1. Environment การดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด 2. Social ความรับผิดชอบต่อผู้ที่มีส่วนได้เสียในทุกมิติ ตั้งแต่ผู้ถือหุ้น พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า ชุมชนและสังคม 3. Governance การกำกับดูแลองค์กรให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย

นายภาณุพงศ์ ภูทะวัง ผู้จัดการอาวุโส สายงานกลยุทธ์องค์กรและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมภายในบริษัทให้ได้ 20% ภายในปี 2025 และเพิ่มเป็น 50% ภายในปี 2030 หรือคิดเป็นมากกว่า 8,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) 

ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าหมายในการสร้างสิทธิที่เกิดจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จากการดำเนินงานเกี่ยวกับพลังงานทดแทน การขนส่ง การจัดการของเสีย และการปลูกป่าให้ได้ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MTonCO2e) ภายในปี 2042

โดยการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการในทุกกระบวนการของ TOA Circular Economy ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนถึงปลายน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และทำให้เกิดของเสียเป็นศูนย์  
ด้วยการดำเนินงาน 7 กลยุทธ์หลัก หรือ 7-Green คือ Green Production-Green Energy-Green Value Chain-Green Partner-Green Reforestation-Greenovation-Green Certified 

นอกจากนี้ TOA ได้ผ่านการรับรองฉลากคาร์บอนและฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในกลุ่มสีทาอาคารและแผ่นยิปซัมมากถึง 320 ผลิตภัณฑ์ ที่ครอบคลุมตลาดสีทาอาคารส่วนใหญ่ในปัจจุบัน อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าเรือธงอย่าง SuperShield, TOA Organic Care, TOA Shield-1 Nano, 4SEASONS, SUPER MATEX, Expert series (Shield, Pro, Flex) และ TOA 7in1 อีกทั้ง TOA มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องทุกมิติในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองเครื่องหมายฉลากลดโลกร้อน สะท้อนถึงความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสินค้า จนสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริงตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเป็นการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์นั้น ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การขนส่ง กระบวนการผลิต การใช้งาน และการจัดการซากผลิตภัณฑ์หลังใช้ โดยมีรูปแบบสำหรับการประเมิน 

ทั้งนี้ ประกอบด้วย การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีปัจจุบัน การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีฐาน (Base Year)  การเปรียบเทียบคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีปัจจุบันกับปีฐาน แล้วพบว่าค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ลดลงไม่น้อยกว่า 2% และนำผลการเปรียบเทียบพิจารณาตามเกณฑ์การประเมิน เพื่อขึ้นทะเบียนเครื่องหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์