posttoday

บล.บัวหลวง มองเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,539 จุด ปักหมุดมาร์เก็ตแชร์ 4.72%

25 เมษายน 2567

บล.บัวหลวง มองเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ 1,539 จุด รับเม็ดเงินเบิกจ่ายภาครัฐ-ดิจิทัลวอลเล็ต-กนง.ลดดอกเบี้ย ตั้งเป้ารักษามาร์เก็ตแชร์ปีนี้เท่าปีก่อน 4.72% มุ่งออกผลิตภัณฑ์กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ-DR รักษาฐานลูกค้า ช่วยลูกค้าลงทุนได้ง่ายขึ้น หลังภาวะตลาดหุ้นซบเซา

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS เปิดเผยว่า ในปี 2567 BLS ตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4.72% แม้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (YTD) ของตลาดหุ้นไทยจะปรับลดลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000-40,000 ล้านบาท/วัน โดยทั้งปี 2567 คาดอยู่ที่กว่า 40,000 ล้านบาท/วัน 

“ธุรกิจโบรกเกอร์ ปีนี้เหนื่อยกว่าปีที่แล้ว เพราะต้นปีที่แล้ววอลุ่มเทรดอยู่ที่ 50,000-60,000 ล้านบาท/วัน ปีนี้ YTD เฉลี่ยอยู่ที่ 30,000-40,000 ล้านบาท/วัน ปีนี้จึงเป็นปีที่ประคองตัว ฝืนตลาดไม่ได้” นายพิเชษฐ กล่าว

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS กล่าวว่า BLS ตั้งเป้าหมายรักษาพอร์ตลูกค้าเดิมที่ปัจจุบัน มีบัญชีลูกค้าทั้งหมดราว 680,000 บัญชี เป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวประมาณ 80,000 บัญชี ลดลง 50% จากต้นปีก่อนมีบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 150,000 บัญชี โดยลูกค้าที่หายไปส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากภาวะตลาดหุ้น ทำให้นักลงทุนไม่ลงทุน บางส่วนติดหุ้น

ดังนั้น BLS ยังมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าลงทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุน ทั้งกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ การพัฒนาธุรกิจ BLS Top Funds Portfolio ซึ่งเป็นการบริการจัดพอร์ตกองทุนรวมแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปทั่วโลก และจัดพอร์ตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ลงทุนให้นักลงทุนอย่างทันท่วงที ทำให้สร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจ และออกตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยงช่วงที่ตลาดหุ้นไทยไม่ดี

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2/2567 มองกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,330-1,430 จุด ปัจจัยกดดันต่างๆ เริ่มคลี่คลาย อาทิ งบเบิกจ่ายเข้ามาในเดือน พ.ค.2567

รวมทั้งคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือน มิ.ย.2567 ในอัตรา 0.25% จาก 2.50% ต่อปี เหลือ 2.25% ต่อปี เงินจะเข้ามาในไตรมาส 3/2567 และหากโครงการดิจิทัล วอเล็ต ผ่านการอนุมัติ ก็จะเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2567 โดยปี 2567 ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) เติบโต 3.1% (รวมโครงการดิจิทัล วอเล็ต) 

ทั้งนี้ มองว่าภาพรวมครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก กรณีเป็นซอฟแลนดิ้ง ไม่เป็น Recession สงครามไม่ลุกลามมาพุ่ง และเงินเฟ้อไม่กลับมาพุ่งสูงขึ้น โดยไตรมาส 3/2567 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด ดังนั้นทำให้ภาพรวมในปี 2567 มองเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,539 จุด 

โดยแนะนำหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง ได้แก่ ไฟแนนซ์ ไอซีที, กลุ่มที่ได้รับประโยชน์นโยบายการลงทุน อาทิ ค้าปลีก ขนส่ง รับเหมาก่อสร้าง วางระบบ และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าปีนี้จะปรับลดลงดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งแรกในเดือน มิ.ย.2567 

ส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนในปี 2567 ประเมินอยู่ที่ 92 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2566 ที่ 76 บาท/หุ้น แต่เป็นการปรับลดลงจากที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปี 2567 ที่ 95 บาท/หุ้น