55 ปี กฟผ.ปลูก DNA ความยั่งยืน ขับเคลื่อนภารกิจสร้างโลกสีเขียว

โลกอนาคตที่หลายสิ่งเกิดขึ้นกับโลกใบนี้เกินกว่าจะคาดการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด หรือแม้กระทั่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากภาวะโลกรวน ล้วนเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกประเทศตระหนักและให้ความสำคัญกับคำว่า “ความยั่งยืน” มากขึ้น เช่นเดียวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ที่สั่งสมความเชี่ยวชาญการดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้าไทยมาถึง 55 ปี เพื่อเป็นการส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนไทย 

เพื่อรองรับการใช้พลังงานอแห่งอนาคต กฟผ.ได้พัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) รับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียนในระบบไฟฟ้าให้สามารถส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง ไม่กระทบต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้าในภาพรวม ผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ เป็นระบบกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ด้วยพลังน้ำที่มีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยต่ำ

มีการจัดตั้งศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (RE Forecast Center) พยากรณ์กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ทุกครึ่งชั่วโมงจนถึงอีก 7 วันข้างหน้า ช่วยบริหารจัดการการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนควบคู่กับโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังนำร่องปรับปรุงสถานีไฟฟ้าแรงสูงดิจิทัล (Digital Substation) เพิ่มความสามารถในการควบคุมและส่งจ่ายไฟฟ้าอย่างมีเสถียรภาพอีกด้วย

ทั้งนี้ เพื่อรองรับนโยบายดึงดูการลงทุนตามกลไกยืนยันการใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียวตามมาตรฐานสากล ด้วยใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate) หรือ REC เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าโรงงานหรือบริษัทนั้นใช้พลังงานสีเขียว เป็นกลไกสำคัญตอบโจทย์นักลงทุน โดยประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้มอบสิทธิ์ให้ กฟผ. เป็นผู้ออกใบรับรอง REC รายเดียวของประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี กฟผ. ได้ออกใบรับรอง REC ให้แก่ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนของไทยแล้วหลายล้าน REC และมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกปีตามความต้องการของบริษัทชั้นนำต่าง ๆ ในการเข้าถึงพลังงานสะอาดเดินหน้าสู่สังคมสีเขียว

เพราะการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องควบคู่ไปกับการ “ใช้อย่างรู้คุณค่า” การจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand Side Management: DSM) จึงเกิดขึ้นเพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า ประหยัด และมีประสิทธิภาพ ผ่านฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งได้พัฒนายกระดับเพิ่มเกณฑ์ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าให้ละเอียดและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศภายใต้โครงการปลูกป่าที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2537 โดยมุ่งเน้นการปลูกป่าต้นน้ำและป่าชายเลนอย่างมีคุณภาพ พร้อมต่อยอดสู่โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม เป้าหมาย 1 ล้านไร่ ภายในระยะเวลา 10 ปี (ปี 2565-2574) สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่ในการดูแลบำรุงรักษาป่าที่ปลูกให้เติบโตอย่างยั่งยืน คาดว่าตลอดระยะเวลาของโครงการฯ จะสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 23.6 ล้านตัน 

จากนี้ไป กฟผ. ยังคงเดินหน้าภารกิจผลิตไฟฟ้าเพื่อความสุขของคนไทย พร้อมกับการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนไทยสืบไป